กฟผ. ชวนนักปั่นทั่วโลกร่วมแข่งขันจักรยาน

7 ส.ค.-กฟผ. ร่วมกับ จังหวัดตาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และการกีฬาแห่งประเทศไทย เตรียมพร้อมจัดการแข่งขันจักรยานเขื่อนภูมิพล เสือภูเขานานาชาติ ครั้งที่ 18 ขึ้นเขาลงห้วย พิชิตถ้วยเขื่อนพ่อ ประจำปี 2562 ระหว่างวันที่ 24 – 25 สิงหาคม 2562 เชิญชวนนักปั่นจักรยานทั่วทุกมุมโลก ร่วมพิชิตเส้นชัยสุดท้าทายของสนามแข่งขันเขื่อนภูมิพล ท่ามกลางทัศนียภาพที่สวยงามของจังหวัดตาก


วันนี้ (7 สิงหาคม 2562) นายจรัญ คำเงิน ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน การไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมกับนายสมชัย กิจเจริญรุ่งโรจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก นายจริยาทร สูหู่ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานตาก และนายสุชีพ มีถม ผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล กฟผ. ร่วมแถลงข่าวการแข่งขันจักรยานเขื่อนภูมิพล เสือภูเขานานาชาติ ครั้งที่ 18 ขึ้นเขาลงห้วย พิชิตถ้วยเขื่อนพ่อ ประจำปี 2562 ณ ห้องแถลงข่าวสื่อมวลชน ชั้น 3 สำนักงานใหญ่ กฟผ. อ.บางกรวย จ.นนทบุรี

นายสมชัย กิจเจริญรุ่งโรจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวว่า จ.ตาก ได้ร่วมกับ กฟผ. ททท. และ กกท. จัดการแข่งขันจักรยานเสือภูเขา ช่วงปลายเดือนสิงหาคมของทุกปี มาตั้งแต่ปี 2545 โดยปีนี้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 18 ถือได้ว่าเป็นกิจกรรมการแข่งขันกีฬาประจำปีของจังหวัดตาก ซึ่งเขื่อนภูมิพลมีทัศนียภาพที่สวยงามและเป็นสถานที่ดึงดูดใจนักปั่นเป็นอย่างมาก ซึ่งช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวทางภาคเหนือของประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดตากให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ซึ่งปีนี้จังหวัดตากได้เตรียมความพร้อมในการต้อนรับนักกีฬาและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาร่วมการแข่งขันอย่างเต็มที่ ทั้งเส้นทางการเดินทาง แหล่งท่องเที่ยว ทั้งทางประวัติศาสตร์และทางธรรมชาติ การอำนวยความสะดวกด้านที่พัก ร้านอาหาร ร้านของฝาก และกิจกรรมต่างๆ อีกมากมาย


นายจรัญ คำเงิน ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน กฟผ. กล่าวว่า การแข่งขันจักรยานเขื่อนภูมิพล  เสือภูเขานานาชาติ ในปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-25 สิงหาคม 2562 ซึ่งเป็นครั้งที่ 18 ของการจัดแข่งขัน โดยได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในพื้นที่ ความพิเศษคือจุด Finished ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณสันเขื่อนภูมิพล ด้วยเส้นทางที่ชันและคดเคี้ยว นักกีฬาต้องใช้พละกำลังมากเป็นพิเศษ ถือเป็นความท้าทายที่รอคอยให้นักปั่นจากทั่วโลกมาร่วมพิชิตเส้นชัย ซึ่งระหว่างเส้นทางนักกีฬาทุกคนยังจะได้สัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงามภายใน  เขื่อนภูมิพลและ จ.ตาก อีกด้วย

ด้าน นายจริยาทร สูหู่ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานตาก กล่าวว่า ททท. ได้บรรจุการแข่งขันกีฬาจักรยานเขื่อนภูมิพล เสือภูเขานานาชาติไว้ในปฏิทินการท่องเที่ยวช่วง “สิงหาพาแม่เที่ยว” และโครงการ “ท้าปั่น ท้าเที่ยวตาก” เพื่อเชิญชวนให้ครอบครัวและประชาชนทั่วไปหันมาสนใจท่องเที่ยว จ.ตาก อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมรณรงค์ส่งเสริมการลดภาวะโลกร้อน ซึ่งนอกจากจะได้ออกกำลังกายแล้ว ผู้เข้าร่วมกิจกรรมยังได้สัมผัสกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของจังหวัดตากอย่างใกล้ชิดไปในคราวเดียวกัน จนได้รับความนิยมและการยอมรับจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก

สำหรับรายละเอียดของการแข่งขันและรางวัลการแข่งขันนี้ นายสุชีพ มีถม ผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล กฟผ. ชี้แจงรายละเอียดว่า การแข่งขันในปีนี้ แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ 1.ประเภทเสือภูเขาทางไกล (เส้นทางแบบเรียบ) ระยะทาง 60 กิโลเมตร จากจังหวัดตาก ถึง สันเขื่อนภูมิพล 2.ประเภทเสือภูเขานานาชาติ Cross Country (เส้นทางแบบวิบาก) ระยะทาง 36 กิโลเมตร และ 20 กิโลเมตร ใช้เส้นทางโดยรอบเขื่อนภูมิพล 3. ประเภทเสือภูเขานานาชาติครอบครัว ระยะทาง 18 กิโลเมตร และ 4.ประเภท เสือท่องเที่ยวท้องถิ่น ระยะทาง 20 กิโลเมตร ใช้เส้นทางโดยรอบเขื่อนภูมิพล โดยการแข่งขันใช้กฎกติกาสากล ตามระเบียบการแข่งขันของสนามแข่งขัน (Local Rule) และสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นสมาชิกของสหพันธ์จักรยานนานาชาติได้ดำเนินการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานของสนามแข่งขันเรียบร้อยแล้วว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่มีความปลอดภัยและถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของสนามแข่งขันเสือภูเขาที่กำหนดไว้อย่างครบถ้วน ทั้งนี้ ผู้ชนะเลิศในรุ่นทั่วไปชาย ประเภทเสือภูเขาทางไกล จะได้รับเงินรางวัล จำนวน 10,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล และสำหรับผู้ชนะเลิศในรุ่นทั่วไปชาย ประเภท เสือภูเขานานาชาติ จะได้รับเงินรางวัล จำนวน 15,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล นอกจากนี้ผู้ชนะลำดับที่ 2 – 5 จะได้รับเงินพร้อมถ้วยรางวัล ผู้ชนะลำดับที่ 6 – 10 จะได้รับถ้วยรางวัล และผู้สมัครทุกท่านจะได้รับเสื้อ เหรียญที่ระลึกพร้อมคูปองรับประทานอาหารกลางวันอีกด้วย


ทั้งนี้ กฟผ. ได้เตรียมความพร้อมของสนามแข่งขันไว้อย่างเต็มที่ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่ประจำทุกจุดเพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลเรื่องความปลอดภัยของนักกีฬา รวมทั้งยังมีบ้านพักรับรองหลากหลายรูปแบบไว้สำหรับนักกีฬาและครอบครัว ตลอดจนนักท่องเที่ยวที่สนใจ และพื้นที่กางเต็นท์พร้อมห้องน้ำไว้ให้บริการ นอกจากนี้ยังมีที่พักในพื้นที่อำเภอสามเงา และจังหวัดตากไว้ให้บริการอย่างเต็มที่ ตลอดจนการจัดแสดงดนตรี การจัดจำหน่ายสินค้าชุมชน สินค้า OTOP ร้านบริการซ่อมและจำหน่ายอุปกรณ์จักรยานเสือภูเขาในราคาพิเศษ พร้อมทั้งมีอาหาร และเครื่องดื่มจำหน่ายตลอดทั้งงาน

กฟผ. ขอเชิญชวนนักกีฬาจักรยานทั้งในและต่างประเทศที่สนใจสมัครเข้าร่วมแข่งขัน รวมถึงนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศการแข่งขันระดับนานาชาติ พร้อมชมทัศนียภาพอันสวยงามของเขื่อนภูมิพลและสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดตาก พบกันในงานแข่งขัน “เขื่อนภูมิพล เสือภูเขานานาชาติ ครั้งที่ 18” ระหว่างวันที่ 24 – 25 สิงหาคม 2562 โดยสามารถสมัครแข่งขันได้ที่ https://event.thaimtb.com/event.php?e=431 ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2562 นอกจากนั้นยังเปิดรับสมัครแข่งขันบริเวณหน้างานอีกด้วย ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่แผนกประชาสัมพันธ์เขื่อนภูมิพล โทร. 05 588 1238 หรือติดต่อชมรมจักรยานเขื่อนภูมิพล โทร. 08 1930 7333 และ  08 1887 7527.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.ยัน ‘มทภ.2’ ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบกโต้กัมพูชา ยันแม่ทัพภาค 2 ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย ย้ำไทยไม่มีความพยายาม “ยั่วยุ-วางแผน” ใช้กำลังทางทหารตามที่เขมรกล่าวอ้าง พลตรี​ วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงการณ์ถึงคำสัมภาษณ์ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องของปราสาทตาควาย ว่า “ยืนยันว่าเนื้อหาที่แม่ทัพภาคที่ 2 พูด ไม่ได้มีความหมายในแบบที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้แถลงไป โดยเฉพาะท่านไม่พูดเรื่องการเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา สิ่งที่ท่านได้กล่าวในวันนั้นคือ ปราสาทตาควายอยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย ในช่วงที่มีการปะทะที่ผ่านมาพยายามเข้าไปยึดด้วยการวางกำลัง แต่ยังไม่สำเร็จ จึงได้ทำการวางกำลังบริเวณด้านนอก ห่างจากตัวปราสาท 30 เมตร แต่ในอนาคตจะต้องพยายามนำกลับมาภายใต้การควบคุมของไทยให้ได้ ตามขั้นตอนที่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่าเตรียมนำเรื่องต่างๆ ไปพูดคุยเจรจาในวงเจรจาในกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ และย้ำถึงจุดยืนว่าไทยจะไม่ถอยจากแนวการวางกำลังเดิม ขอยืนยันว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้พูดถึงเรื่องการใช้กำลังทางทหาร ไปดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นที่กล่าวไปในข้างต้น จึงไม่ใช่ความพยายามที่มีการยั่วยุและมีการวางแผนใช้กำลังทางทหารต่อกรณีปราสาทตาควายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้างแต่อย่างใด” -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเล็ก​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “มทภ.2” ยึดรอบคอบ

11 ส.ค.- “พล.อ.ณัฐพล​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” แต่ต้องพิจารณารอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบขวัญกำลังใจผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสเติบโตก้าวหน้า พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวเรียกร้องให้มีการต่ออายุราชการทหาร ของ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2  โดยยืนยันว่า รับฟังกระแสเรียกร้องดังกล่าว ที่มีมาจากคนไทยที่รักประเทศ และห่วงใยในสถานการณ์ หลังการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชาเพิ่งผ่านไป ซึ่งในฐานะผู้บังคับบัญชา ยืนยันว่ารับฟังข้อเรียกร้องดังกล่าว อย่างไรก็ตามเรี่องนี้ ยืนยันว่าจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ สิ่งสำคัญ ต้องพิจารณาภาพรวมขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสก้าวหน้าเติบโตต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาสถานการร์การสู้รบ ทั้งแม่ทัพภาค 2 เอง และผู้บังคับบัญชาระดับรอง ต่างก็ทำภารกิจอย่างเต็มกำลัง และมีความสามารถทั้งหมด นักวิชาการไม่เห็นด้วยปมต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” ผศ. ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต  ได้โพสท์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงประเด็นดังกล่าวว่า เรื่องการขอเสนอการต่ออายุราชการ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ออกไปนั้น ตนไม่เห็นด้วย ขอให้วางใจวางสติให้ดี ว่าเราต้องไม่ตกหลุมกับดักของคนภายในและภายนอก […]

ทบ.ยันคุมตัว 18 ทหารเขมร ยึดหลักกฎหมายสากล

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบก แถลงโต้กัมพูชาอาจไม่เข้าใจหลักปฏิบัติสากล ยืนยันควบคุมตัวทหารกัมพูชา 18 นาย เป็นไปตามหลักกฎหมายสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีกัมพูชายื่นข้อเรียกร้องต่อทางการไทย เพื่อให้ส่งตัวทหารที่ถูกควบคุมตัวไว้กลับประเทศ ขอเรียนว่าฝ่ายกัมพูชาอาจไม่เข้าใจหลักปฏิบัติในระบบของสากล ยืนยันการปฏิบัติของฝ่ายไทยเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามหลักกฎหมายและหลักมนุษยธรรมสากล ซึ่งเชื่อว่าประเทศพันธมิตรและองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ มีความเข้าใจ และไม่ได้มีความกังวลใดๆ อย่างที่กัมพูชากล่าวอ้าง โดยเฉพาะการที่ฝ่ายไทยได้เปิดโอกาสให้องค์กรสากลที่เกี่ยวข้องสามารถประสานขอเข้าเยื่ยมชมได้ตลอดตั้งแต่วันแรกๆ ที่ฝ่ายไทยได้มีการควบคุมตัว   อย่างเช่นเมื่อ 5 ส.ค. ที่ผ่านมา ได้มีคณะผู้แทนจาก ICRC ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ด้านการคุ้มครอง ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เจ้าหน้าที่โครงการของ ICRC และล่าม รวม 4 คน เพิ่งมาเยื่ยมชมไป จึงขอยืนยันว่าการควบคุมทหารกัมพูชาทั้ง 18 คนนั้น เป็นไปตามหลักกฎหมายสากล ที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาเจนีวา ไม่ใช่การควบคุมตัวอย่างผิดกฎหมายตามที่ กระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้กล่าวอ้าง ทั้งนี้การถูกควบคุมตัวดังกล่าว จำเป็นต้องคงไว้ จนกว่าสถานะการณ์การหยุดยิงหรือสถานการณ์การสู้รบ จะมีความสมบูรณ์เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนแล้วเป็นหลัก ทั้งนี้เพื่อผู้ที่ถูกควบคุมตัวทั้งหมด จะไม่หวนกลับมาทำการสู้รบกับฝ่ายไทยอีก ซึ่งเป็นไปตามแนวทางหลักสากล และเชื่อว่าด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน ฝ่ายกัมพูชายังมีเรื่องสำคัญอื่น ที่ควรให้ความสำคัญอย่างมากด้วยเช่นกัน […]

ทหารกล้าเล่านาทีระทึก รอดตายจากระเบิดชายแดน

11 ส.ค.- ทหารกล้า เล่าเหตุการณ์ ลูกระเบิดจากฝั่งกัมพูชา ร่วงใส่จุดที่กำลังพลอยู่พอดี จนได้รับบาดเจ็บ ทีมข่าวลงพื้นที่อำเภอลานสัก จ.อุทัยธานี บ้านของ สิบโทปรีชา เสือบัว อายุ 24 ปี หัวหน้าชุดหมู่ปืนเล็กหมวดปืนเล็ก กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 4 ค่ายจิรประวัติ จังหวัดนครสวรรค์ เล่านาทีรอดชีวิตจากเหตุระเบิดที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ขณะประจำการอยู่ในบังเกอร์ ได้ยินเสียงปืนครกจากฝั่งกัมพูชา จึงรีบถอยตัวออกครึ่งหนึ่งเพื่อให้ลูกน้องหลบเข้าไปด้านในบังเกอร์  แต่จังหวะนั้นกระสุนระเบิดตกใส่ทันทีจนร่างกระเด็นและหมดสติ เหตุระเบิดทำให้สิบโทปรีชา ได้รับบาดเจ็บที่ดวงตาซ้าย ขณะปฏิบัติหน้าที่พร้อมเพื่อนทหารอีก 3 นาย สิบโทปรีชา ยังบอกอีกว่า “หากต้องบาดเจ็บอวัยวะส่วนไหน ก็ยอม แต่จะไม่ยอมเสียชาติ” พร้อมเผยว่าได้ติดต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อขอกลับไปปฏิบัติหน้าที่ต่อ แม้ได้รับคำสั่งให้พักรักษาตัวก่อน แต่หากมีความจำเป็น เขาพร้อมกลับไปสู้เพื่อประเทศชาติทันที ทั้งนี้ ตัว สิบโทปรีชา และครอบครัวเชื่อว่า เป็นบารมี หลวงพ่อเดิม หลวงพ่อยูร และหนังเสือ วัดพนมเศษเหนือ จังหวัดนครสวรรค์ รวมถึงหลวงพ่อเคลือบ วัดหนองกระดี่ […]