ลูก 2 ขวบตาย แม่ติดใจการรักษาของ รพ.

ขอนแก่น 6 ส.ค.-พ่อและแม่น้องโอชิวัย 2 ขวบ ร้องตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังลูกชายเสียชีวิตที่โรงพยาบาล โดยแพทย์ระบุว่าปอดติดเชื้อ แต่แม่ยืนยันก่อนพบแพทย์ลูกชายยังมีอาการปกติ


ที่บ้านเลขที่ 53 หมู่ 6  บ้านสระบัว ตำบลโนนแดง อำเภอโนนศิลา จังหวัดขอนแก่น สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ ด.ช.นฤบดินทร์ ศรีวันทา หรือ “น้องโอชิ” อายุ 2 ขวบ ซึ่งเสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม ขณะเข้ารับการรักษาด้วยอาการป่วยเป็นไข้ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น ก่อนเสียชีวิตขณะถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลบ้านไผ่  ซึ่งแพทย์ ระบุ สาเหตุการเสียชีวิตด้วยอาการปอดติดเชื้อ และจะมีพิธีฌาปนกิจในวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค.)


น.ส.ลักษณ์สุดา ตะโก อายุ 27 ปี แม่น้องโอชิ กล่าวว่า น้องโอชิ ป่วยเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม จึงไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลแรกที่ทำการรักษา ทำการตรวจรักษาแล้วพบว่ามีไข้ จึงให้ยามารับประทานที่บ้าน พอรุ่งเช้าเวลา 08.00 น. (4 ส.ค.) น้องโอชิ มีอาการเหนื่อย เพราะกินอาหารไม่ได้  เนื่องจากริมฝีปากมีบาดแผลจากการหกล้ม  จึงพาไปพบแพทย์อีกครั้ง แพทย์ได้ตรวจและเอ็กซ์เรย์  โดยครั้งนี้แพทย์ระบุว่า ผลตรวจเอ็กซ์เรย์พบว่าปอดติดเชื้อ จากนั้นได้นำตัวไปตรวจรักษาด้วยการพ่นยาเพื่อให้หายใจดีขึ้น จากนั้นจึงส่งตัวไปรักษาต่อกับแพทย์เฉพาะทาง ขณะที่แพทย์ได้พยายามให้น้ำเกลือเนื่องจากมีอาการเหนื่อย แต่หาเส้นเลือดที่จะเจาะไม่ได้ ขณะที่ผลการตรวจเลือดพบว่ามีค่าน้ำตาลในเลือดสูงถึง 480  แพทย์ที่ทำการรักษามีอาการวิตกกังวล และใช้โทรศัพท์โทรพูดคุยเป็นเวลานานคล้ายกับปรึกษากับแพทย์คนอื่น

จากนั้นแพทย์ได้เปลี่ยนยาตัวใหม่เพื่อให้หายใจดีขึ้น แต่กลับพบว่าน้องโอชิมีอาการตาลอยและชีพจรต่ำ ซึ่งพ่อน้องโอชิได้ทักท้วงแพทย์ว่า ทำไมน้องมีอาการแบบนี้ แพทย์ตอบว่า “การรักษาก็เป็นแบบนี้แหละ” ก่อนที่จะให้พ่อออกมาจากห้องเพื่อให้มาปรึกษากับญาติว่าจะใช้ท่อช่วยหายใจให้น้อง ซึ่งญาติยืนยันว่าจะไม่ใส่ท่อช่วยหายใจเพราะสงสารน้อง และช่วยให้หมอเร่งทำเรื่องส่งน้องไปรักษาต่อกับแพทย์เฉพาะทาง เวลาล่วงเลยไปนานกว่า 2 ชั่วโมงอาการน้องโอชิไม่ดีขึ้น และญาติพบว่ามีการใส่ท่อช่วยหายใจทางลำคอ และพบเลือดไหลตามท่อช่วยหายใจ ซึ่งญาติต่างตกใจเพราะก่อนที่น้องโอชิจะเข้ามารับการรักษา  ไม่ได้มีอาการไอ  หรือมีเสมหะ

จากนั้นญาติได้เร่งให้แพทย์ ดำเนินการส่งตัวไปโรงพยาบาลที่มีความพร้อม และถามแบบนี้อยู่ 3-4 ครั้ง  จึงได้คำตอบว่า “ต้องรอให้แพทย์ใหญ่เซ็นใบส่งตัว” ก่อนที่แพทย์คนดังกล่าวจะตัดสินใจ  ส่งตัวไปโรงพยาบาลบ้านไผ่ แต่ท้ายสุด “น้องโอชิ” เสียชีวิตระหว่างทาง และแพทย์ระบุสาเหตุว่า “ปอดติดเชื้อ” ทำให้ครอบครัวต่างติดใจสาเหตุเพราะก่อนเดินทางมาพบแพทย์ “น้องโอชิ” มีอาการเป็นปกติ สามารถพูดคุย สนทนา ไม่มีการไอหรือมีเสมหะ มีเพียงอาการเหนื่อย เนื่องจากไม่ได้รับประทานอาหาร  รวมถึงติดใจว่าแพทย์ที่ทำการรักษาไม่รีบส่งตัวไปยังโรงพยาบาลอื่น ซึ่งรวมเวลาที่ “น้องโอชิ” มาโรงพยาบาลและถูกส่งตัวกินเวลานานถึง 3 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง