สุพรรณบุรี 6 ส.ค.-แหล่งที่เคยผลิตน้ำมันกัญชา อย่างมูลนิธิข้าวขวัญ สุพรรณบุรี ขณะนี้งดแจกน้ำมันกัญชาแล้ว และเตรียมโอนข้อมูลผู้ป่วยกว่า 40,000 คน เข้าระบบสาธารณสุขแทน ส่วนผู้ป่วยบางรายที่รอไม่ไหวก็ไปพึ่งน้ำมันกัญชาจากแหล่งอื่นแทน เพราะเชื่อว่ากัญชาทำให้อาการป่วยที่เป็นอยู่ดีขึ้น ติดตามจากรายงานพิเศษ “ปลดล็อกกัญชา ติดล็อกกัญชา” ตอนที่ 2
แฟ้มข้อมูลผู้ป่วยที่ยื่นลงทะเบียนขอรับน้ำมันกัญชากับมูลนิธิข้าวขวัญ จ.สุพรรณบุรี ถือเป็นเอกสารสำคัญในการใช้ส่งตัวผู้ป่วยกว่า 40,000 คน โดยครึ่งหนึ่งพบเป็นผู้ป่วยมะเร็ง ให้โรงพยาบาลในสังกัดสาธารณสุขไปดูแลต่อ ระหว่างที่นายเดชา สิริภัทร ประธานมูลนิธิฯ งดแจกน้ำกัญชา ระหว่างรอให้สาธารณสุขขึ้นทะเบียนเป็นหมอพื้นบ้าน รับรองสูตร และการผลิตน้ำมันกัญชา กับหน่วยงานรัฐให้ถูกต้องตามกฎหมาย
ประธานมูลนิธิข้าวขวัญระบุว่า ขั้นตอนที่สาธารณสุขดำเนินการอาจใช้เวลานานกว่า 3 เดือน หรือถึงราวตุลาคม การติดตามอาการของผู้ป่วยช่วงนี้พบว่าหลายคนเสียชีวิตแล้ว
เมื่อเมษายน ตำรวจเคยบุกค้นมูลนิธิข้าวขวัญ หลังพบมีการปลูกกัญชา และผลิตน้ำมันกัญชา เพื่อแจกจ่ายให้ผู้ป่วย ทำให้ 3-4 เดือนหลังจากนั้น ที่นี่ไม่ได้ผลิตน้ำมันกัญชาแจกผู้ป่วย จนผู้ป่วยหันไปพึ่งจากแหล่งอื่น
เช่นที่วัดบางปลาหมอ สุพรรณบุรี ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยถูกตำรวจบุกค้น จนต้องหยุดแจกน้ำมันกัญชามาแล้ว 2 ครั้ง ก่อนจะกลับมาแจกอีกครั้งเมื่อต้นปีนี้ แม้จะรู้ว่าผิดกฎหมาย เพราะกัญชายังถือเป็นพืชเสพติด แต่เจ้าอาวาสให้เหตุผลว่า เพราะสงสารผู้ป่วย เฉพาะเดือนที่แล้วมีผู้ป่วยมารับน้ำมันกัญชาแล้วกว่า 2,000 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยมะเร็ง ทั้งที่รักษากับแพทย์แผนปัจจุบันอยู่ และที่อาการทรุดหนัก
แม่ชีคนนี้ เป็นมะเร็งเต้านมมาตั้งแต่ปี 57 เคยผ่าตัด และทำคีโมมาแล้ว 4 ครั้ง แต่ยังรู้สึกว่าร่างกายไม่ค่อยมีแรง จึงอยากได้รับน้ำมันกัญชาแบบแคปซูล
วัดบางปลาหมอผลิตน้ำมันกัญชาแบบแคปซูลขึ้นเอง โดยมีสูตรยาเป็นสูตรเดียวกับที่มูลนิธิข้าวขวัญทำแจกผู้ป่วย มีส่วนผสมของสารสกัดกัญชา 3% ส่วนที่เหลือเป็นน้ำมันมะพร้าว ทางวัดแจกให้ผู้ป่วยคนละ 7 เม็ด ให้กินก่อนนอนวันละ 1 เม็ด ยังไม่พบรายใดกินแล้วมีผลข้างเคียง
มีข้อมูลว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่ต้องการใช้น้ำมันกัญชาประมาณ 800,000 ถึงกว่า 2 ล้านคน และมีโอกาสเพิ่มขึ้นถึง 6 ล้านคนในอนาคต จึงมีข้อเสนอให้แก้กฎหมาย เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงกัญชาง่ายขึ้น เช่น การถอดออกจากยาเสพติดประเภท 5 ให้เป็นพืชควบคุม หรือให้ผู้ป่วยปลูกหรือทำเป็นยาใช้ด้วยตัวเอง แต่ในมุมของแพทย์ส่วนหนึ่งเห็นว่า มีข้อมูลการศึกษากัญชาใช้ได้ผลกับผู้ป่วยเพียง 4 กลุ่มโรคเท่านั้น คือ ลมชักในเด็ก, กล้ามเนื้อแข็งจากระบบประสาท และผู้ป่วยมะเร็งที่มีอาการคลื่นไส้อาเจียนจากการได้รับยาเคมีบำบัด และปวดเรื้อรัง ส่วนโรคอื่นยังต้องรอผลการศึกษา แต่ในช่วงครึ่งปีมานี้ มีผู้ป่วยที่ซื้อน้ำมันกัญชาจากแหล่งผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน และใช้เองโดยไม่ผ่านการแนะนำทางการแพทย์ ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยที่มีอาการคลื่อนไส้อาเจียน หัวใจเต้นเร็ว วูบ และประสาทหลอน ถูกส่งเข้ารับการรักษาแบบฉุกเฉินมากอย่างผิดสังเกตในโรงพยาบาลทั่วประเทศ.-สำนักข่าวไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ปลดล็อกกัญชา ติดล็อกกัญชา ตอน 1
- ปลดล็อกกัญชา ติดล็อกกัญชา ตอน 3
- รมว.สธ.รับมอบสารสกัดน้ำมันกัญชาTHC 4,500 ขวดจาก อภ.