รณรงค์รับน้องใหม่สร้างสรรค์

กทม.24 ก.ค.-เครือข่ายเยาวชน ร่วมกับ 60 สถาบันการศึกษา จัดรณรงค์รับน้องใหม่สร้างสรรค์ กระตุ้นให้กลุ่มนักศึกษาจัดกิจกรรมที่เคารพ ให้เกียรติ ไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น และไม่ทำผิดกฎหมาย 


เครือข่ายเยาวชนปกป้องสิทธิ เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ เครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน ฯลฯ จัดรณรงค์รับน้องสร้างสรรค์ ภายใต้โครงการ “รับเพื่อนใหม่ เคารพสิทธิ…มิตรภาพ” เพื่อกระตุ้นให้กลุ่มนักศึกษาจัดกิจกรรมรับน้องใหม่อย่างสร้างสรรค์ เคารพให้เกียรติและ     ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ไม่ทำผิดกฎหมาย พร้อมเปิดตัวเพจ “เครือข่ายเยาวชนปกป้องสิทธิ”รับเรื่องราวร้องเรียนกิจกรรมรับน้องใหม่ที่มีการกระทำไม่เหมาะสม และทีมกฎหมายให้ความช่วยเหลือ 


ภายในงานกลุ่มเยาวชนยังได้ประกาศเจตนารมณ์ สนับสนุนให้นักศึกษาทุกสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ จัดกิจกรรมรับเพื่อนใหม่ ที่เคารพสิทธิและสร้างมิตรภาพได้อย่างแท้จริง  


น.ส.รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยง สสส.กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้จะเป็นหมุดหมายที่สำคัญสู่การรับน้องใหม่ที่สร้างสรรค์ ให้เห็นพลังและคุณค่า เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สามัคคี เอื้อเฟื้อช่วยเหลือกัน ห่างไกลจากเหล้า ยาเสพติด การพนัน อบายมุขทุกรูปแบบ เป็นการถอยห่างจากระบบอำนาจนิยม ที่เคยนำไปสู่ความอับอาย หรือบาดเจ็บและสูญเสีย การใช้คำว่ารับเพื่อนใหม่ แทนคำว่ารับน้องใหม่ คงต้องการสะท้อนความเสมอภาค  ลดการกดทับในเชิงอำนาจจากความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง  ซึ่งมีนัยสำคัญมากต่อกิจกรรมนี้

“ข่าวความสูญเสียจากกิจกรรมรับน้องใหม่ บ่อยครั้งที่เลยเถิดถึงขั้นบาดเจ็บ เสียชีวิต คำถามสำคัญคือจะยินยอมให้ความไม่ถูกต้อง ยังคงอยู่อย่างเป็นปกติเช่นนี้ หรือจะร่วมกันยืนหยัดและปฏิเสธความไม่ถูกต้อง ซึ่งสอดคล้องกับเจตนาของกิจกรรมวันนี้ คือการรับเพื่อนใหม่  ต้องเคารพสิทธิและมุ่งสู่มิตรภาพอย่างแท้จริง หลักการสำคัญ 1.ต้องเคารพให้เกียรติกัน  2.ต้องสนุก  กระตุกให้คิดและสร้างสรรค์  3.ต้องไม่ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ 4. ต้องมีความปลอดภัย  และ 5.ต้องปลอดจากอบายมุขทุกชนิด” น.ส.รุ่งอรุณ กล่าว  

นายกีรติ  ปั้นมณี  เลขาธิการกลุ่ม ANTI  SOTUS กล่าวว่า ความรุนแรง ในการรับน้องและกระบวนการยุติธรรมที่สาวไปไม่ถึงตัวผู้กระทำความผิด เป็นเรื่องที่สถาบันมักปิดข่าว ไม่ให้เผยแพร่ออกสู่พื้นที่สาธารณะ โดยส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้เกิดจากการเชื่อมโยงของ 5 ภาคส่วน ได้แก่ 1. ตัวมหาวิทยาลัยหรือสถาบัน 2. บุคลากรในสถาบัน 3. นักศึกษาทั่วไป(รุ่นพี่) 4. ผู้นำนักศึกษา และ 5. นักศึกษา ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดการปกปิดสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ให้เผยแพร่สู่พื้นที่สาธารณะ คือสถาบันพยายามที่จะปิดข่าว โดยมีบุคลากรในสถาบันเป็นผู้ดำเนินการปิดข่าว ขณะที่นักศึกษาทั่วไป (รุ่นพี่) และผู้นำนักศึกษาที่ทำการรับน้องของสถาบัน คนกลุ่มนี้จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคลากรในสถาบัน เพราะถ้าหากสถาบันมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ต้องอาศัยนักศึกษานี้ในการเกณฑ์คนเข้ามาช่วยทำกิจรรมสถาบัน ส่วนตัวนักศึกษาเอง เมื่อเกิดเรื่องขึ้นก็ไม่อยากเอาความกับรุ่นพี่ จึงสรุปได้ว่า บุคลากรและสถาบันมีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องดังกล่าว จึงมีความพยายามที่จะไกล่เกลี่ยหรือปิดข่าวเมื่อเกิดเรื่องขึ้นมา

“สถาบันไม่ควรเห็นแก่ชื่อเสียงด้วยการปิดข่าว แต่ควรเปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาและควรเป็นหน่วยงานที่จะช่วยหาตัวผู้กระทำความผิด หรือช่วยเหลือผู้เสียหายในการฟ้องร้อง เท่ากับเป็นการแสดงออกถึงความจริงใจ และอีกสาเหตุหนึ่งที่ไม่สามารถหาตัวผู้กระทำความผิดได้ เพราะมีความคิดว่าไม่อยากเอาเรื่องให้เด็กเสียอนาคตหรือหากจะเอาเรื่องกระบวนการทางกฎหมายก็ล่าช้า และมีค่าใช้จ่าย ซึ่งหากเกิดเหตุรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตหรือพิการ ผู้เสียหายก็ไม่อยากดำเนินคดี”นายกีรติ กล่าว

นายเอ (นามสมมติ) ตัวแทนเยาวชนที่เคยผ่านการรับน้องระบบอำนาจนิยม ใช้ความรุนแรง กล่าวว่า อดีตเคยเรียนอาชีวะศึกษา ปี 1ที่สถาบันแห่งหนึ่ง ก่อนที่รุ่นพี่จะจัดกิจกรรม รับน้องที่ต่าง จังหวัด รุ่นพี่จะทำการเทรนรับน้องเกือบทุกวันเพื่อล้างสมอง และปลูกฝังความคิดให้กับรุ่นน้อง เช่น พูดกล่อมให้รักสถาบัน และให้เกลียดสถาบันครู่อริ ส่วนวิธีปฏิบัติ รุ่นพี่จะทำการเตะหน้าอกรุ่นน้องและให้กินไข่ดิบ รวมถึงอาหารแปลกๆที่ไม่เคยกิน เมื่อถึงวันจริงรุ่นพี่ใช้วิธีรับน้อง เช่นเดียวกับ การเทรนแต่จะรุนแรงขึ้น เช่น ดื่มเหล้าแทนน้ำ ให้ยืนดิ่งล้มให้หน้าอกกระแทกพื้น หรือแม้กระทั่ง ใช้เท้าเตะหน้าหรือใช้มือตบหน้า แกล้งนำน้ำทะเลมาต้มข้าวให้กิน นำกะปิมาแทนยาสีฟัน และหลังผ่านการรับน้องก่อนกลับรุ่นพี่จะนำเหล็กรูปสัญลักษณ์บางอย่างมารนไฟเพื่อจี้หัวไหล่รุ่นน้องที่ผ่านการรับน้อง เหมือนเป็นการทำสัญลักษณ์ของรุ่น ส่วนคนที่ไม่เข้ารับการรับน้อง หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ไม่เอาระบบ ก็จะถูกรุ่นพี่บีบให้ออกจากสถาบันด้วยวิธีต่างๆ 

นายเอ กล่าวต่อว่า ความรู้สึกตอนโดนรับน้องไม่ได้รู้สึกอะไรมากเพราะคิดว่าต้องทำเพื่อให้ ได้มีสิทธิเรียนที่สถาบัน ต่อมาเมื่อขึ้นปี2 กลายเป็นรุ่นพี่ที่ต้องมารับน้องบ้าง ตนและรุ่นพี่คนอื่นๆยังคงใช้วิธีรับน้องแบบเดิม เหมือนเป็นวัฒนธรรมที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น แต่จะเลี่ยงการทำร้ายร่างกาย รุ่นน้องเพราะรู้สึกสงสาร จากนั้นไม่นานก็ก่อคดีจนต้องเข้ามาอยู่สถานพินิจและได้โอกาสเข้ามาอยู่ที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน(ชาย)บ้านกาญจนาภิเษกที่นี่สอนให้รู้จักเรื่องสิทธิมนุษยชน การเคารพในเนื้อตัวร่างกายผู้อื่น การไม่มีสิทธิไปทำร้ายร่างกายใคร และมีกิจกรรมที่กระตุ้นให้มีความคิด มีเหตุมีผล  ควบคุมอารมณ์ จนเข้าใจและตกผลึกมากพอ  อยากฝากไป ถึงรุ่นพี่ที่ยังใช้ความรุนแรงและใช้อำนาจ ว่าให้หยุดเถอะ อย่าทำอะไรที่ไร้เหตุผล  ขาดสติหรือลืมตัวเพื่อ ให้คนอื่นยอมรับ ต้องเปิดตามองว่าคุณไม่ได้ จมอยู่กับจุดจุดนี้ทั้งชีวิต 

ทั้งนี้ เครือข่ายเยาวชนปกป้องสิทธิและตัวแทนนักศึกษาในเครือข่ายมหา วิทยาลัยสร้างสุขจาก 60 สถาบันการศึกษา ได้ประกาศเจตนารมณ์การจัดกิจกรรมรับน้องอย่างสร้างสรรค์ ภายใต้สโลแกน “รับเพื่อนใหม่ เคารพสิทธิ  มิตรภาพ” ยึดมั่นในหลักการสำคัญดังนี้ 1.จะปรับรูปแบบการรับเพื่อนใหม่ให้เป็นกิจกรรมเชิงบวกและสร้างสรรค์ให้มากขึ้น 2.จะไม่ใช้ความรุนแรงทั้งร่างกาย และวาจาลดคุณค่าความเป็นมนุษย์และละเมิดสิทธิ 3.จะแสวง หาแนวทาง รูปแบบ กิจกรรมการรับเพื่อนใหม่ที่สื่อให้เห็นถึงคุณค่าในตนเอง เคารพตนเอง เห็นคุณค่าของผู้อื่น และเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ 4. จะไม่ให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์  การพนัน  ยาเสพติด  อบายมุขทุกชนิดเข้ามาเกี่ยวข้องในกิจกรรมรับเพื่อนใหม่ 5.ไม่เพิกเฉยต่อความไม่ถูกต้อง และการละเมิดสิทธิที่เกิดขึ้น โดยจะร่วมกันเป็นหูเป็นตา สอดส่องและแจ้งเหตุ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

5 ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากระเบิดกัมพูชา ทำพิธีลอยอังคาร

ชลบุรี 24 ส.ค. – 5 ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวดตกใส่ ทำพิธีลอยอังคาร ส่งดวงวิญญาณกลางอ่าวสัตหีบ โดยกองเรือยุทธการอำนวยความสะดวก 5 ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดของกัมพูชา เมื่อวันที่ 25 กรกฏาคม ประกอบด้วย ครอบครัวประชัน ซึ่งสูญเสียนางสาวรุ่งรัศ เด็กหญิงทักษพร และเด็กชายพงศภัค ครอบครัวเด็กชายกิตติศักดิ์ คำวัง ครอบครัวนางสาวอรุณรัตน์ วันศรี ครอบครัวนายสมศรี ลาภบุญ และครอบครัวนางสาวสาวิตรี อ่อนทรวง นำอัฐิผู้เสียชีวิต เดินทางจากจังหวัดศรีสะเกษ มายังกองเรือยุทธการ ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อทำพิธีลอยอังคาร ส่งดวงวิญญาณ โดยกองเรือยุทธการอำนวยความสะดวก สนับสนุนที่พัก รวมทั้ง จัดเรือกร.702 นำครอบครัวผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกลางอ่าวสัตหีบ พิธีเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมเกียรติ ทุกคนต่างบอกว่า แม้จะผ่านมา 1 เดือน แต่ก็ยังทำใจไม่ได้ โดยเฉพาะครอบครัวประชัน ที่ต้องภรรยาและลูกอีก 2 คนไปพร้อมกัน.-สำนักข่าวไทย

ทบ. ตรวจสอบสาเหตุพลทหารเสียชีวิตที่ปราสาทตาเมือนธม

24 ส.ค. – กองทัพบกได้รับรายงานการเสียชีวิตของกำลังพลบริเวณปราสาทตาเมือนธม ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบสาเหตุ พร้อมให้การช่วยเหลือเยียวยาตามสิทธิอย่างครบถ้วน กองทัพบกขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของ พลทหาร พิทยุตท์ โสดา กำลังพลสังกัด กองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 ซึ่งเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2568 เวลา 18.15 น. โดยพบร่างผู้เสียชีวิตภายในห้องสุขา บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ พลทหารพิทยุตท์ โสดา อายุ 20 ปี เป็นทหารกองประจำการ รุ่นปี 1/67 จากการสมัครใจเข้ามารับราชการในโครงการพลทหารออนไลน์ ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง พลปืนเล็ก หมู่ปืนเล็กที่ 2 หมวดปืนเล็กที่ 1 สังกัด กองร้อยทหารราบที่ 211 กองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 จากการตรวจสอบเบื้องต้น ผู้เสียชีวิตไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีประวัติเสพยาเสพติด ไม่มีภาวะความเครียด […]

แจงปมเลขบัตรประชาชน “หลวงพ่ออลงกต” ซ้ำคนตาย

กทม. 24 ส.ค.-กรมการปกครอง แจงปม “เลขประจำตัวประชาชน” หลวงพ่ออลงกต ซ้ำกับคนตาย ส่วนการเปิดพร้อมเพย์ เลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ตาย ซึ่งตรงกับบัญชีกองทุนอาทรประชานาถ เป็นการดำเนินการโดยธนาคารพาณิชย์ กรณีมีรายงานว่า หลวงพ่ออลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งมีชื่อเดิมว่า นายอลงกต พูลมุข มีชื่อซ้ำกับ นายอลงกต พลมุข ที่มีภูมิลำเนาที่ อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา และได้เสียชีวิตไปแล้วนั้น รวมทั้งวันเดือนเกิดยังตรงกัน ต่างกันเพียงปีเกิด ล่าสุดเฟซบุ๊ก กรมการปกครอง fanpage ได้โพสต์ข้อความถึงประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า “กรมการปกครอง ชี้แจงกรณีเลขบัตรประจำตัวประชาชนของหลวงพ่ออลงกต ตามที่ปรากฏข้อมูลจากสื่อมวลชนว่า ‘หลวงพ่ออลงกต มีเลขประจำตัวประชาชนตรงกับนายอลงกต พลมุข ซึ่งเป็นบุคคลที่เสียชีวิตแล้ว’ นั้น สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ได้ตรวจสอบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของกรมการปกครอง พบว่า พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือ หลวงพ่ออลงกต เลขประจำตัวประชาชน x-xxxx-xxx036-50-7 ชื่อจริง อลงกต พูลมุข นามสกุล พูลมุข มีสระอู เกิดปี […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]