สมุทรสงคราม 19 ก.ค. – ผอ.สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาสมุทรสงคราม ออกคำสั่งให้วัดเพชรสมุทรวรวิหารรื้อถอนทำลายศาลาเรือนไทยริมน้ำแม่กลองให้เสร็จภายใน 45 วัน
กรณีเหตุศาลาทรงไทยริมแม่น้ำแม่กลองถล่มมีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นางสุรี อุราชื่น อายุ 37 ปี แม่ค้าขายน้ำ และ น.ส.พรพิไล เสือเล็ก อายุ 24 ปี ลูกค้า และมีผู้บาดเจ็บ 20 ราย พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า 7 ราย แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ 13 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา
และเมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (19 ก.ค.) นายวินัย เสือเล็ก อาสาสมัครรักษาดินแดน พ่อน้องพรพิไล ได้นิมนต์พระสินธพ ฐิตญาโณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปัจจันตาราม มาเรียกวิญญาณ น.ส.พรพิไล เสือเล็ก ขึ้นจากน้ำเพื่อไปสู่สุคติ นายวินัยได้จุดธูปบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอเปิดทางให้วิญญาณบุตรสาวขึ้นมาจากน้ำ โดยพระสินธพ ฐิตญาโณ ได้โยนสายสิญจน์ลงไปบริเวณที่ น.ส.พรพิไล จมอยู่ใต้น้ำ เพื่อเรียกวิญญาณขึ้นมา ท่ามกลางบรรยากาศที่โศกเศร้าของบิดามารดา และญาติๆ ที่มาร่วมพิธี สำหรับกำหนดการสวดพระอภิธรรม น.ส.พรพิไล 5 คืน คือระหว่างวันที่ 18-22 ก.ค. และจะฌาปนกิจในวันที่ 23 ก.ค.
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ นายฐาปกรณ์ บุญเกิด ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรสงคราม ได้เข้าพบพระครูสมุทรวชิรานุวัตร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเพชรสมุทรวรวิหาร เพื่อมอบหนังสือคำสั่งให้กู้รื้อ ขนทำลายศาลาเรือนไทยริมแม่น้ำแม่กลอง ให้เสร็จภายใน 45 วัน
จากนั้นนายฐาปกรณ์ได้นำเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบศาลาริมน้ำดังกล่าว พร้อมกล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าศาลาเรือนไทยทั้งสองหลังเป็นของวัดเพชรสมุทรวรวิหาร หากปล่อยไว้อาจเป็นอันตรายในการเดินเรือและผู้ที่เดินทาง จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทยฉบับที่ 12 พ.ศ.2522 ประกอบคำสั่งกรมเจ้าท่าที่ 856/2559 ลงวันที่ 10 ตุลาคม 2559 ตนในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรสงคราม จึงมีคำสั่งให้วัดเพชรสมุทรวรวิหาร ทำเครื่องหมายแสดงอันตรายให้เป็นที่สังเกตในการเดินเรือทั้งกลางวันและกลางคืนในบริเวณเกิดเหตุดังกล่าว และให้รื้อทำลายศาลาอเนกประสงค์ทั้งสองหลังให้แล้วเสร็จภายใน 45 วันนับจากวันนี้
อย่างไรก็ตาม หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง จะมีความผิดตามมาตรา 297 แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทยฉบับที่ 14 พ.ศ.2535 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับตั้งแต่ 500-5,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ. – สำนักข่าวไทย