สมุทรสงคราม 17 ก.ค.-เหตุอาคารศาลาทรงไทยริมแม่น้ำแม่กลองพังถล่ม กู้ร่างขึ้นมาได้แล้ว 1 ศพ เร่งค้นหาอีก 1 ราย เบื้องต้นทางจังหวัดสั่งห้ามใช้และห้ามเข้าใกล้บริเวณศาลาอีกหลังริมแม่น้ำ เพื่อความปลอดภัย
เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ (16 ก.ค.) เกิดเหตุอาคารศาลาทรงไทย ซึ่งเป็นร้านขายอาหารตามสั่ง ข้าวมันไก่ และน้ำดื่ม ริมแม่น้ำแม่กลอง บริเวณท่าเทียบเรือแสงวณิช ติดกับวัดเพชรสมุทรวรวิหาร ตำบลแม่กลอง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม พังถล่ม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสงคราม ตำรวจท่องเที่ยว พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า เบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บรวม 22 ราย และมีผู้สูญหาย 2 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรมสมุทรสงคราม และหน่วยกู้ภัยสินสมุทรสมุทรสาคร นำชุดประดาน้ำ 6 ราย ลงงมหาผู้สูญหาย แต่ยังไม่พบ
นายวิสันต์ แสงสว่าง อายุ 50 ปี นักท่องเที่ยวชาวกรุงเทพมหานคร ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ขณะที่ตนกำลังนั่งตกกุ้งใกล้กับที่เกิดเหตุ จู่ๆ ได้ยินเสียงลั่นดังสนั่น ก่อนศาลาจะหักโค่นลงไปในน้ำทั้งหลัง
นายเกรียงไกร รอดคะยอย อายุ 16 ปี ชาวตำบลบางแก้ว อำเภอเมืองสมุทรสงคราม เล่าว่า ตนกำลังนั่งรับประทานมาม่าผัดในอาคารหลังดังกล่าว จู่ๆ มีเสียงดังลั่นบริเวณใต้ คนก็ลงไปมองว่าเป็นอะไร นึกว่าขอนไม้มากระแทก ไม่นานก็มีเสียงแก๊กๆ พร้อมกับอาคารพังลงไปทั้งหลัง ตนก็หล่นลงไปด้วย โดนตู้เย็นทับหน้าอก โชคดีไม่เป็นอะไรมาก
นางสุกานดา วรเชษฐบัญชา ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย แถลงสรุปเหตุการณ์อาคารทรงไทยถล่มว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้มีผู้บาดเจ็บ 20 ราย เป็นชาย 8 ราย ขณะที่ผู้หญิงบาดเจ็บ 12 ราย และมีผู้สูญหาย 2 ราย
นายสุเมธ ธีรนิติ ปลัดจังหวัดสมุทรสงคราม ในฐานะหัวหน้าส่วนปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหาย กล่าวว่า นักประดาน้ำได้ลงไปสำรวจใต้น้ำบริเวณอาคารที่พังลึกประมาณ 6 เมตร พบว่าน้ำแรง ไม่สามารถปฏิบัติงานได้ จึงขึ้นมาปรับแผน รอน้ำนิ่ง เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำชุดประดาน้ำ 4 คน ลงสำรวจ เบื้องต้นศาลาล้มพับลงไปหัวไปทางกลางแม่น้ำ มีซากเสาลวดจำนวนมากที่เป็นอันตราย ซึ่งจะต้องประชุมวางแผนกันต่อไป
นายประจินต์ ธารศิริสิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวว่า อาคารหลังที่ทรุดตัวลงน้ำเป็นของวัดเพชรสมุทรวรวิหาร และยังมีอีกหลังหนึ่งที่อยู่ติดกัน เบื้องต้นทางจังหวัดสั่งห้ามใช้และห้ามเข้าใกล้บริเวณดังกล่าว เพื่อความปลอดภัย ส่วนสาเหตุคาดว่าเป็นอาคารเก่าแก่มาก เสาปูนอาจผุกร่อนจากน้ำเค็ม ทำให้เสารับน้ำหนักไม่ไหวจนทรุดพังลงมา
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเจ้าหน้าที่เริ่มงมตั้งแต่เวลา 17.00 น. วานนี้ (16 ก.ค.) เป็นต้นมา โดยมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานทั้งภาครัฐเอกชนกว่า 100 นาย นักประดาน้ำ 36 นาย ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน โดยวางแผนการดำเนินงานกันลงสำรวจอาคารศาลาที่พังในแม่น้ำแม่กลอง กระทั่งประมาณ 22 .00 น. (16 ก.ค.) เจ้าหน้าที่พบศพแรก เป็นร่างของนางสุรี อุราชื่น อายุ 37 ปี แม่ค้าขายน้ำ ถูกโครงสร้างอาคารทับ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครนยกโครงสร้างอาคารขึ้นอย่างระมัดระวัง จนถึงเวลา 23.59 น. จึงสามารถนำศพนางสุรีขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะทำการค้นหานางสาวพรพิไล เสือเล็ก อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นชาวสมุทรสงครามที่มารับประทานอาหาร แบบปูพรมตลอดจนกว่าจะเจอผู้สูญหายดังกล่าว สำหรับอาคารแห่งนี้คาดว่าสร้างเมื่อประมาณปี 2515 หรือ 47 ปีมาแล้ว.-สำนักข่าวไทย