กฤษฎาเก็บของจากห้องทำงาน ส่งข้อความอำลาตำแหน่ง

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  15 ก.ค. – กฤษฎาเก็บของจากห้องทำงาน ส่งข้อความอำลาตำแหน่ง ลั่นชีวิตนี้จะไม่มีวันลืมที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกับรมช. ทั้ง 2 ท่าน ผู้บริหาร ข้าราชการกระทรวงเกษตร ทำงานถวายในหลวง ปฏิรูปโครงสร้างเกษตรสำเร็จ เกษตรกรเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ด้วยนโยบายการตลาดนำการผลิต


นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เก็บของจากห้องทำงานแล้ว โดยก่อนออกจากกระทรวงเกษตรฯ ได้สักการะพระพิรุณทรงนาคซึ่งเป็นที่นับถือประจำกระทรวง อีกทั้งส่งข้อความทางไลน์ถึงผู้บริหารและข้าราชการทุกคนโดยระบุว่า “ตามที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตั้งแต่ 30 พ.ย. 60 นั้น ตลอดระยะเวลา 1ปี 7 เดือน 16 วันของการทำงาน ตนได้รับความกรุณาจาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี รวมถึงทุกภาคส่วนอย่างดียิ่ง การที่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างราบรื่นเพราะมีผู้ร่วมงานที่ดีคือ นายลักษณ์ วจนานวัชและนายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อีกทั้งยังได้รับความร่วมมืออันดีจากปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหาร และข้าราชการทุกคน โดยงานที่สำเร็จเป็นรูปธรรมได้แก่ การปรับโครงสร้างการทำงานข้าราชการจาก 14 กรมในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ให้มาทำงานร่วมกันในรูปคณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์จังหวัด (อ.พ.ก.) ภายใต้การอำนวยการของผู้ว่าราชการจังหวัดส่งผลให้การแก้ไขปัญหาและงานพัฒนาการเกษตรกรรมมีความเป็นเอกภาพและมีประสิทธิภาพ


สิ่งสำคัญจะไม่มีวันลืมในชีวิตนี้คือ การที่ได้ร่วมแรงร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวทำงานสนองพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ในงานการบริหารจัดการน้ำและงานฝนหลวงซึ่งเป็น “น้ำพระทัยจากฟากฟ้า หลั่งลงมาสู่ดิน” ทั่วทุกพื้นที่ช่วยให้ประชาชนมีน้ำในการดำรงชีพและการประกอบอาชีพแล้ว เมื่อประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากฝุ่นพิษที่เกิดขึ้นกระจายไปทั้งในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดต่างๆ ก็ได้ปฏิบัติการฝนหลวงร่วมกับหน่วยงานต่างๆ จนสถานการณ์ผ่อนคลายไปได้ในระดับที่น่าพอใจ ตลอดระยะ 80 ปีแห่งการครองราชย์ พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งประชาชนซึ่งชาวกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จักพร้อมใจร่วมกันสืบสานพระราชปณิธานด้วยความจงรักภักดีตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่

สำหรับงานแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำที่ทำให้เกษตรกรมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพนั้นได้ริเริ่มการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนแทนการใช้งบประมาณจำนวนมากไปจ่ายชดเชยราคาผลผลิตที่ตกต่ำตามมาตรการพยุงราคา โดยหันมาใช้วิธีปรับสมดุลของอุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) สินค้าเกษตรด้วยการเพิ่มปริมาณการใช้ในประเทศ ลดการปลูกพืชชนิดใดชนิดหนึ่งไปสู่การปลูกพืชชนิดอื่นซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดตาม “นโยบายการตลาดนำการผลิต” เช่น การสนับสนุนการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ที่ถูกต้องตามกฎหมายแทนการทำนาปรัง การขอความร่วมมือจากภาคเอกชนให้ลดปริมาณพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่และแม่ไก่ยืนกรงลงจนสามารถทำให้ราคาไข่ไก่มีเสถียรภาพ การเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราภายในประเทศด้วยการนำน้ำยางพาราไปผสมสารเคมีในการทำถนนแทนถนนลูกรังในชนบทส่งผลให้ราคายางพาราในปัจจุบันมีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น

นอกจากนี้ ในการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศชาติที่ค้างคามานานหลายทศวรรษจนเริ่มเห็นผลสำเร็จบ้างแล้ว ดุจดัง “แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์” นั่นคือ การแก้ไขปัญหาอาหารเสริม (นม) โรงเรียนที่ไม่มีคุณภาพได้สำเร็จ ต่อไปนี้นักเรียนซึ่งเป็นอนาคตของชาติจะได้ดื่มนมที่มีคุณภาพครบทุกโรงเรียนตั้งแต่ภาคเรียนที่ 1/2562 เป็นต้นไป เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมสามารถขายน้ำนมดิบได้ในราคาที่เหมาะสม และผู้ประกอบการได้รับการจัดสรรสิทธิ์ในการจำหน่ายนมตามโครงการอย่างเป็นธรรม อีกทั้งสามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรซึ่งเป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรซึ่งยืดเยื้อมาตั้งแต่ปี 2544 จำนวนนับหมื่นรายที่แบกภาระยอดหนี้เฉพาะเงินต้นประมาณ 6,000 ล้านบาท โดยใช้การเจรจากับเจ้าหนี้ แทนการใช้งบประมาณแผ่นดินไปซื้อหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน ทำให้เกษตรกรได้มีโอกาสปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ อีกทั้งไม่ต้องสูญเสียที่ดินของตนซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการทำเกษตรกรรมให้แก่เจ้าหนี้


สำหรับงานที่กระทรวงเกษตรฯ ต้องขับเคลื่อนต่อไปคือ การจัดทำแผนการผลิตทางการเกษตร ของประเทศที่มีเป้าหมายให้เกษตรกรทำเกษตรกรรมแต่ละประเภทให้เป็นไปตามความต้องการของตลาดเพื่อจะได้ไม่มีปัญหาผลผลิตล้นตลาดที่จะส่งผลให้ราคาตกต่ำอีกด้วย การส่งเสริมการทำเกษตรกรรมแบบผสมผสานหรือหลากหลายเพื่อลดความเสี่ยงที่จะขาดทุนและทำให้เกษตรกรมีรายได้อย่างยั่งยืน การลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรโดยส่งเสริมการทำเกษตรกรรมแบบแปลงใหญ่ (Mega Farm) การส่งเสริมให้นำเครื่องจักรกลสมัยใหม่มาใช้ในการทำเกษตรกรรม การส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ (Organic) และเกษตรปลอดภัย (GAP) ซึ่งเป็นผลผลิตที่ตลาดมีความต้องการมากขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต ประการสำคัญคือ การทำเกษตรกรรมดังกล่าวจะนำไปสู่การยกเลิกการใช้สารเคมีทางการเกษตรในที่สุด การป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคระบาดในพืชและสัตว์ การบริหารจัดการน้ำทั้งระบบเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วง การแก้ไขปัญหาให้แก่ชาวประมงที่อาจได้รับผลกระทบจากกฎหมายประมง เป็นต้น

นายกฤษฎากล่าวว่า เชื่อมั่นในความตั้งใจของชาวกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่จะทำงานสนองคุณแผ่นดินเกิดซึ่งจะได้รับผลตอบแทนด้วยสิ่งที่ดีงามจากการทำความดีตลอดไป ท้ายนี้หากมีคำอื่นใดที่มีคุณค่าเหนือกว่าคำ “ขอบคุณ” ตนยินดีจะมอบคำนั้นให้แก่ชาวกระทรวงเกษตรฯ และหากช่วงที่ได้ทำงานร่วมกันแล้วมีสิ่งใดอาจทำให้ข้าราชการไม่สบายใจแล้ว ขออภัยมา ณ โอกาส นี้ด้วย” . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือน 9 จังหวัดฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 23 ก.ย. – กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะ จ.แม่ฮ่องสอน ตาก มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” (RAGASA) […]

เปิดแนวต้านน้ำหล่มสัก ผลักดันแผนแก้น้ำท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 22 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก ที่เพชรบูรณ์ จะลดลงแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะย่านการค้าเก่าแก่ที่เจอน้ำท่วม 2 รอบในช่วง 3 สัปดาห์ เรียกว่ายังไม่ทันได้ฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำท่วมรอบแรกเสร็จ ต้องมาเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะที่หลายคนกังวลและต้องเตรียมรับมือกับพายุที่คาดว่าจะเข้ามาในช่วงปลายสัปดาห์นี้ พร้อมเรียกร้องให้เร่งป้องกันและหาแนวทาง แก้ปัญหาระยะยาว ไม่ให้หล่มสักกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก .-สำนักข่าวไทย

ฝนถล่มเชียงใหม่ ประกาศปิดน้ำตกแม่สา ส่วนวัดผาลาด เตือนน้ำป่าหลาก

เชียงใหม่ 22 ก.ย.-ฝนถล่มเชียงใหม่ อุทยานฯ ดอยสุเทพ-ปุย ประกาศปิดน้ำตกแม่สา อ.แม่ริม ชั่วคราว หลังน้ำป่าไหลหลาก ส่วนวัดผาลาด แจ้งเตือนชาวบ้านรับมือน้ำป่าหลากลงน้ำตกผาลาด ช่วงบ่ายวันนี้ ( 22 กันยายน) เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ เพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้โพสต์ข้อความประกาศปิดน้ำตกแม่สา ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เนื่องจากเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากลงมาจนน้ำมีสีน้ำตาลขุ่น กระแสน้ำไหลแรงและเชี่ยวกราก โดยจะปิดน้ำตกแม่สาตั้งแต่วันนี้จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ขณะที่พระมหาสง่า ไชยวงค์ เจ้าอาวาสวัดผาลาด ก็ได้โพสต์คลิปภาพวิดีโอ พร้อมข้อความ “มวลน้ำจากยอดดอยกำลังผ่านวัดผาลาด ญาติโยมด้านล่างช่วงนี้ก็เฝ้าไว้เน้อ” ซึ่งทางวัดผาลาดจะมีการแจ้งเตือนชาวบ้านที่อยู่ใกล้ทางน้ำไหลน้ำตกผาลาด และบริเวณเชิงดอยสุเทพในตัวเมืองเชียงใหม่ ให้เฝ้าระวังน้ำป่าที่ไหลผ่านวัดลงสู่ด้านล่างทุกครั้ง สำหรับวัดผาลาดตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ และมีน้ำตกผาลาดไหลผ่านพื้นที่วัดช่วงที่เกิดฝนตกหนัก จะมีน้ำป่าไหลหลากจากบนดอยสุเทพผ่านน้ำตกผาลาด ก่อนจะไหลลงสู่พื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่.-สำนักข่าวไทย

กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ชี้ JBC รับรองแล้ว

กทม. 22 ก.ย.- กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน ชี้ JBC รับรองแล้ว สอดคล้อง MOU 2543 พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงประเด็นหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ในพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้วว่า หลักเขตแดนที่ 42 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านไปรจัน) ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และหลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยการกำหนดแนวเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นตรงจากหลักเขตแดนที่ 41 มายังหลักเขตแดนที่ 42 และต่อเนื่องไปยังหลักเขตแดนที่ 43 จากนั้นแนวเขตแดนจะไปตามคลองระลมระสือจนถึงหลักเขตแดนที่ 44 สำหรับกระบวนการสำรวจ ชุดสำรวจร่วมไทย–กัมพูชาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 ของ TOR คือ การสำรวจสภาพ และที่ตั้งของหลักเขตแดนทั้งหมด 74 หลัก ตั้งแต่ปี พ.ศ. […]