กฤษฎาเก็บของจากห้องทำงาน ส่งข้อความอำลาตำแหน่ง

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  15 ก.ค. – กฤษฎาเก็บของจากห้องทำงาน ส่งข้อความอำลาตำแหน่ง ลั่นชีวิตนี้จะไม่มีวันลืมที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกับรมช. ทั้ง 2 ท่าน ผู้บริหาร ข้าราชการกระทรวงเกษตร ทำงานถวายในหลวง ปฏิรูปโครงสร้างเกษตรสำเร็จ เกษตรกรเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ด้วยนโยบายการตลาดนำการผลิต


นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เก็บของจากห้องทำงานแล้ว โดยก่อนออกจากกระทรวงเกษตรฯ ได้สักการะพระพิรุณทรงนาคซึ่งเป็นที่นับถือประจำกระทรวง อีกทั้งส่งข้อความทางไลน์ถึงผู้บริหารและข้าราชการทุกคนโดยระบุว่า “ตามที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตั้งแต่ 30 พ.ย. 60 นั้น ตลอดระยะเวลา 1ปี 7 เดือน 16 วันของการทำงาน ตนได้รับความกรุณาจาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี รวมถึงทุกภาคส่วนอย่างดียิ่ง การที่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างราบรื่นเพราะมีผู้ร่วมงานที่ดีคือ นายลักษณ์ วจนานวัชและนายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อีกทั้งยังได้รับความร่วมมืออันดีจากปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหาร และข้าราชการทุกคน โดยงานที่สำเร็จเป็นรูปธรรมได้แก่ การปรับโครงสร้างการทำงานข้าราชการจาก 14 กรมในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ให้มาทำงานร่วมกันในรูปคณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์จังหวัด (อ.พ.ก.) ภายใต้การอำนวยการของผู้ว่าราชการจังหวัดส่งผลให้การแก้ไขปัญหาและงานพัฒนาการเกษตรกรรมมีความเป็นเอกภาพและมีประสิทธิภาพ


สิ่งสำคัญจะไม่มีวันลืมในชีวิตนี้คือ การที่ได้ร่วมแรงร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวทำงานสนองพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ในงานการบริหารจัดการน้ำและงานฝนหลวงซึ่งเป็น “น้ำพระทัยจากฟากฟ้า หลั่งลงมาสู่ดิน” ทั่วทุกพื้นที่ช่วยให้ประชาชนมีน้ำในการดำรงชีพและการประกอบอาชีพแล้ว เมื่อประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากฝุ่นพิษที่เกิดขึ้นกระจายไปทั้งในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดต่างๆ ก็ได้ปฏิบัติการฝนหลวงร่วมกับหน่วยงานต่างๆ จนสถานการณ์ผ่อนคลายไปได้ในระดับที่น่าพอใจ ตลอดระยะ 80 ปีแห่งการครองราชย์ พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งประชาชนซึ่งชาวกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จักพร้อมใจร่วมกันสืบสานพระราชปณิธานด้วยความจงรักภักดีตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่

สำหรับงานแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำที่ทำให้เกษตรกรมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพนั้นได้ริเริ่มการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนแทนการใช้งบประมาณจำนวนมากไปจ่ายชดเชยราคาผลผลิตที่ตกต่ำตามมาตรการพยุงราคา โดยหันมาใช้วิธีปรับสมดุลของอุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) สินค้าเกษตรด้วยการเพิ่มปริมาณการใช้ในประเทศ ลดการปลูกพืชชนิดใดชนิดหนึ่งไปสู่การปลูกพืชชนิดอื่นซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดตาม “นโยบายการตลาดนำการผลิต” เช่น การสนับสนุนการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ที่ถูกต้องตามกฎหมายแทนการทำนาปรัง การขอความร่วมมือจากภาคเอกชนให้ลดปริมาณพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่และแม่ไก่ยืนกรงลงจนสามารถทำให้ราคาไข่ไก่มีเสถียรภาพ การเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราภายในประเทศด้วยการนำน้ำยางพาราไปผสมสารเคมีในการทำถนนแทนถนนลูกรังในชนบทส่งผลให้ราคายางพาราในปัจจุบันมีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น

นอกจากนี้ ในการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศชาติที่ค้างคามานานหลายทศวรรษจนเริ่มเห็นผลสำเร็จบ้างแล้ว ดุจดัง “แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์” นั่นคือ การแก้ไขปัญหาอาหารเสริม (นม) โรงเรียนที่ไม่มีคุณภาพได้สำเร็จ ต่อไปนี้นักเรียนซึ่งเป็นอนาคตของชาติจะได้ดื่มนมที่มีคุณภาพครบทุกโรงเรียนตั้งแต่ภาคเรียนที่ 1/2562 เป็นต้นไป เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมสามารถขายน้ำนมดิบได้ในราคาที่เหมาะสม และผู้ประกอบการได้รับการจัดสรรสิทธิ์ในการจำหน่ายนมตามโครงการอย่างเป็นธรรม อีกทั้งสามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรซึ่งเป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรซึ่งยืดเยื้อมาตั้งแต่ปี 2544 จำนวนนับหมื่นรายที่แบกภาระยอดหนี้เฉพาะเงินต้นประมาณ 6,000 ล้านบาท โดยใช้การเจรจากับเจ้าหนี้ แทนการใช้งบประมาณแผ่นดินไปซื้อหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน ทำให้เกษตรกรได้มีโอกาสปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ อีกทั้งไม่ต้องสูญเสียที่ดินของตนซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการทำเกษตรกรรมให้แก่เจ้าหนี้


สำหรับงานที่กระทรวงเกษตรฯ ต้องขับเคลื่อนต่อไปคือ การจัดทำแผนการผลิตทางการเกษตร ของประเทศที่มีเป้าหมายให้เกษตรกรทำเกษตรกรรมแต่ละประเภทให้เป็นไปตามความต้องการของตลาดเพื่อจะได้ไม่มีปัญหาผลผลิตล้นตลาดที่จะส่งผลให้ราคาตกต่ำอีกด้วย การส่งเสริมการทำเกษตรกรรมแบบผสมผสานหรือหลากหลายเพื่อลดความเสี่ยงที่จะขาดทุนและทำให้เกษตรกรมีรายได้อย่างยั่งยืน การลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรโดยส่งเสริมการทำเกษตรกรรมแบบแปลงใหญ่ (Mega Farm) การส่งเสริมให้นำเครื่องจักรกลสมัยใหม่มาใช้ในการทำเกษตรกรรม การส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ (Organic) และเกษตรปลอดภัย (GAP) ซึ่งเป็นผลผลิตที่ตลาดมีความต้องการมากขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต ประการสำคัญคือ การทำเกษตรกรรมดังกล่าวจะนำไปสู่การยกเลิกการใช้สารเคมีทางการเกษตรในที่สุด การป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคระบาดในพืชและสัตว์ การบริหารจัดการน้ำทั้งระบบเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วง การแก้ไขปัญหาให้แก่ชาวประมงที่อาจได้รับผลกระทบจากกฎหมายประมง เป็นต้น

นายกฤษฎากล่าวว่า เชื่อมั่นในความตั้งใจของชาวกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่จะทำงานสนองคุณแผ่นดินเกิดซึ่งจะได้รับผลตอบแทนด้วยสิ่งที่ดีงามจากการทำความดีตลอดไป ท้ายนี้หากมีคำอื่นใดที่มีคุณค่าเหนือกว่าคำ “ขอบคุณ” ตนยินดีจะมอบคำนั้นให้แก่ชาวกระทรวงเกษตรฯ และหากช่วงที่ได้ทำงานร่วมกันแล้วมีสิ่งใดอาจทำให้ข้าราชการไม่สบายใจแล้ว ขออภัยมา ณ โอกาส นี้ด้วย” . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

สภาถกงบฯ 69 วันแรก “พิชัย” แจงหั่นงบ 8,920 ล้าน

รัฐสภา 13 ส.ค. – ที่ประชุมสภาฯ เริ่มถกงบฯ 69 วันแรกแล้ว “พิชัย” แจงรายงาน กมธ. เหตุหั่นงบ 8,920 ล้านบาท เพราะไม่สอดคล้องภาาวะปัจจุบัน-การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย ในการประชุมสภาฯ เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท วาระสอง ซึ่งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาแล้วเสร็จเป็นวันแรก โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้พิจารณาร่างงบประมาณ 69 เรียบร้อยแล้ว โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ให้ความสำคัญกับการดำเนินภารกิจเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคแห่งชาติ เป้าหมายพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งแผนปฏิบัติราชการของกระทรวง โดยพิจารณาตามความจำเป็นและภารกิจของหน่วยรับงบประมาณ และแผนพัฒนาพื้นที่ตามความต้องการของประชาชน […]

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็น เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 13 ส.ค.- “มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็นอ้างไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้ เชื่อยูเอ็นเข้าใจ เผยคุยมิตรประเทศ บอก พฤติกรรมเขมรวางทุ่นระเบิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เร่งประชุมร่วมรัฐภาคี-หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมเก็บหลักฐานให้คณะทำงานดูข้อมูลจริงจากพื้นที่ ขอช่วยผลักดันเขมรร่วมวงเก็บกู้ทุ่นระเบิด-ทำตามอนุสัญญาออตตาวา นายมาริษ เสงี่ยมพงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาส่งจดหมายร้องเลขาฯ UN และ UNSC อ้างไทยละเมิดอธิปไตยและข้อตกลงหยุดยิงว่า เป็นการกล่าวอ้าง ซึ่งตนยังไม่เห็นหลักฐานที่ชัดเจน ของกัมพูชาว่าเราละเมิดตรงไหน ในขณะที่ทางกัมพูชาเองใช้วิธีที่ไม่จริงใจต่อความพยายามในการแก้ไขปัญหา ตามกรอบข้อตกลงหยุดยิงที่ได้ทำร่วมกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการยั่วยุด้วยสงครามข่าวสาร ไม่ว่าจะเป็นการใช้ โอกาสในการมาฝังลูกระเบิดสังหารบุคคลในดินแดนของประเทศไทย ในขณะที่ประเทศไทยมีหลักฐานที่ชัดเจน ที่ชี้ให้เห็นว่ากัมพูชาไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามความตกลงหยุดยิงระหว่างกัน อย่างไรก็ตามการที่กัมพูชาส่งหนังสือไปถึงยูเอ็น ทางฝ่ายยูเอ็นก็ไม่ได้มีการเปิดประชุมเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้ ในขณะเดียวกัน ไทยก็ได้มีหนังสือชี้แจง เลขาธิการสหประชาชาติไปในทุกโอกาส และทุกกรณีที่มีการขัดแย้งเกิดขึ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวด้วยว่า ในเรื่องของอนุสัญญาออตตาวา ทางกระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือผลักดันในเรื่องนี้ไปถึง ทูต ญี่ปุ่น ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก และเจนีวา ในฐานะที่เป็นประธานของรัฐภาคีอนุสัญญาออตาวา 3 ฉบับและอีกหนึ่งฉบับก็กำลังจะส่งตามไป เพื่อกดดันหรือผลักดันให้รัฐภาคี ดำเนินตามมาตรการ อนุสัญญาออตตาวาโดยเร็ว ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบขอข้อมูลหลักฐาน ที่ชัดเจนซึ่งตรงนี้รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพได้ร่วมมือกันอย่างดี และสนับสนุน […]

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณ จ.จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง […]