กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – สมอ.ดีเดย์ 15 ก.ค.นี้ บังคับใช้กฎหมายฉบับแก้ไขใหม่ เน้นอำนวยความสะดวกผู้ประกอบการมากขึ้น แต่เพิ่มโทษผู้กระทำผิดหนักขึ้น
นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า สมอ.ได้มีการแก้ไข พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมมาโดยลำดับตั้งแต่ พ.ศ. 2511 เป็นต้นมา โดยฉบับนี้เป็นฉบับที่ 8 ที่ได้มีการแก้ไขเพื่อให้กฎหมายมีความทันสมัย สอดคล้องกับสถานการณ์และนโยบายรัฐบาลที่จะลดขั้นตอนการทำงาน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจตามนโยบาย Ease of Doing Business ของรัฐบาล โดย พ.ร.บ.มาตรฐานฯ ฉบับนี้จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2562 เป็นต้นไป
สำหรับสาระสำคัญของการแก้ไข พ.ร.บ.มาตรฐานฯ ฉบับนี้ เพื่อให้การกำหนดมาตรฐานของ สมอ.รวดเร็วทันต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ทำให้การกำกับดูแลการทำและนำเข้าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถควบคุมและป้องกันสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานเข้าสู่ท้องตลาดได้อย่างทันท่วงที ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการคุ้มครองผู้บริโภคและเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม นอกจากนี้ ยังได้แก้ไขบทลงโทษให้สูงขึ้นเหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน เนื่องจากผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานหลายชนิดมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง และมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมของประเทศอย่างมาก
นอกจากนี้ มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเปรียบเทียบปรับ โดยกำหนดให้มีคณะกรรมการเปรียบเทียบค่าปรับเป็นผู้เปรียบเทียบปรับ เพื่อให้เกิดความรอบคอบยิ่งขึ้น เช่น โทษสำหรับผู้ทำหรือนำเข้าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่เป็นมาตรฐานบังคับโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก สมอ. เดิมมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แก้ไขเป็นมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และโทษของผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน เดิมมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 5,000 ถึง 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แก้ไขเป็นจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เป็นต้น ทำให้ สมอ.สามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดรวดเร็วขึ้น ลดภาระทางคดี และยังคำนึงถึงการจัดการกับซากผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ไม่ได้มาตรฐาน เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของประเทศอีกด้วย ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถดาว์นโหลด พ.ร.บ. มาตรฐานฯ ฉบับนี้ได้ที่เว็บไซต์ สมอ. www.tisi.go.th
“เจตนารมณ์ของการแก้ไข พ.ร.บ.มาตรฐานฯ ฉบับนี้ เพื่อขับเคลื่อนกลไกการดำเนินงานด้านการมาตรฐานของ สมอ.ให้มีความรวดเร็ว ชัดเจน สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและตลาดการค้าโลกปัจจุบัน และอำนวยความสะดวกผู้ประกอบการมากขึ้น พร้อมกับปกป้องคุ้มครองผู้บริโภคภายในประเทศให้ได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าต่าง ๆ ทั้งที่ผลิตในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ” เลขาฯ สมอ. กล่าว.-สำนักข่าวไทย