หอประชุมทีโอที 11 ก.ค.-“อนุทิน ชาญวีรกูล” เดินหน้าทำงานขับเคลื่อนนโยบายสำคัญที่เกี่ยวกับการสาธารณสุข ไม่หนักใจ นโยบายกัญชาเสรี เชื่อไม่ว่าพรรคร่วมกี่พรรคก็ทำงานได้ ขอเพียงอย่าอิจฉาประโยชน์ประชาชน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า หลังได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ วานนี้ (10 ก.ค.) ทันทีที่เริ่มการทำงาน จะขับเคลื่อนนโยบายหลายเรื่องที่สำคัญที่เกี่ยวกับการสาธารณสุข ซึ่งไม่ใช่นโยบายกัญชาเสรีเท่านั้น แต่ยังมีนโยบายอื่น ๆ อาทิ การยกระดับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) การพิจารณาอัตรานักเรียนแพทย์ที่อยากให้บรรจุหลังเรียนจบ
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ส่วนในงานของกระทรวงคมนาคม ที่พรรครับผิดชอบนั้น จะมีการสานต่องานเดิมพัฒนาระบบสาธารณูปโภคให้ประชาชนในฐานะผู้รับบริการเกิดความพึงพอใจ ขณะที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะเดินหน้าตามโรดแมปและจะเป็นกระทรวงหลักในการสร้างรายได้ให้กับประเทศ ทำงานสอดประสานกันทุกภาคส่วน และทุกคนจะทำงานตามหน้าที่ ยึดประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก ไม่ว่าจะมีพรรคร่วมรัฐบาลกี่พรรคก็ตาม เราจะทำหน้าที่ของเรา อย่าก้าวก่ายซึ่งกันและกัน อย่าอิจฉาประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ส่วนการประชุมเตรียมพร้อมแถลงนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลในช่วงค่ำวันนี้ (11 ก.ค.) พรรคภูมิใจไทยได้มอบหมายให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค ไปร่วมประชุมเพื่อขับเคลื่อนนโยบายที่สำคัญของพรรค ก่อนแถลงต่อสภาฯ
“ไม่รู้สึกหนักใจกับการขับเคลื่อนนโยบายกัญชา เนื่องจากนายกรัฐมนตรีแสดงเจตนารมณ์ในการผลักดันเรื่องนี้แล้ว ซึ่งในคณะรัฐมนตรีชุดเดียวกันก็ต้องช่วยกันทำงาน และเท่าที่ทราบผู้ที่ปฏิบัติก็ไม่มีใครปฏิเสธหรือต่อต้านนโยบายนี้ อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าไม่รู้สึกกดดันในเรื่องการผลักดันนโยบายกัญชาเสรี ที่หลายคนมองว่าอาจจะไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพราะหากใช้อย่างถูกต้องถูกวิธีตามเป้าหมาย ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการแพทย์ อะไรที่อยู่นอกระเบียบ เราก็จะหาทางแก้ไขปัญหาให้เป็นไปในทิศทางที่ดี” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ปัญหาปากท้องของประชาชน ถือเป็นเรื่องสำคัญ รัฐบาลนี้จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาเหล่านี้เป็นหลัก เพราะประชาชนให้การคาดหวังและเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีที่จะต้องเร่งดำเนินการก่อนเรื่องอื่น ๆ ทั้งนี้ พรรคภูมิใจไทยจะประเมินผลการทำงานทุก 3 เดือน และจะปรับการทำงานไปเรื่อย ๆ ผลักดันให้เกิดความสำเร็จ ส่วนแผนยุทธศาสตร์ 10 ปี ก็จะทำให้เกิดความสำเร็จให้ได้ เพราะเชื่อมั่นในข้าราชการประจำและภาคการเมืองจะสามารถร่วมมือกันทำงาน และทำให้ผลที่จะออกมาเป็นบวกอย่างแน่นอน
“หลังได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี ผมและนายศักดิ์สยาม จะทำหน้าที่ ส.ส.ควบคู่ไปด้วย เพราะถือว่างานสภาฯ เป็นงานที่สำคัญ เช่นเดียวกับงานบริหารราชการแผ่นดิน จึงจะทำงานโดยไม่มี OT ส่วนรัฐมนตรีท่านอื่นที่เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค เราก็จะดำเนินการยื่นใบลาออกให้หลังถวายสัตย์ปฏิญาณตนแล้ว เพื่อให้บุคคลในบัญชีรายชื่อของพรรคลำดับต่อ ๆ ไปเลื่อนขึ้นมาทำหน้าที่แทน” นายอนุทิน กล่าว.-สำนักข่าวไทย