กรุงเทพฯ 10 ก.ค. – ธปท.เปิดรายงาน กนง.ระบุเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ และมีปัจจัยเสี่ยงหนี้ครัวเรือนสูงขึ้นและสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่เพิ่มขึ้น คณะกรรมการฯ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.75
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 4/2562 เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2562 ซึ่งคณะกรรมการฯ ประเมินเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้จากการส่งออกสินค้าและบริการเป็นสำคัญ โดยการส่งออกสินค้าขยายตัวชะลอลงกว่าที่ประเมินไว้มากตามเศรษฐกิจคู่ค้าและปริมาณการค้าโลกที่ชะลอลงจากมาตรการกีดกันทางการค้าที่รุนแรงขึ้น โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2562 จะขยายตัวร้อยละ 3.3 ส่วนปี 2563 ขยายตัวร้อยละ 3.7 ต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ที่ร้อยละ 3.8 และ 3.9 ตามลำดับ ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มขยายตัวต่ำลงจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเป็นสำคัญ สำหรับการบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง แต่ยังได้รับแรงกดดันจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงรายได้และการจ้างงานที่มีสัญญาณชะลอลงในภาคการผลิตเพื่อส่งออก
ด้านการลงทุนภาคเอกชน มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงในปีนี้ แต่การย้ายฐานการผลิตมายังไทยและโครงการร่วมลงทุนของรัฐและเอกชนในโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยสนับสนุนการลงทุนในระยะต่อไป สำหรับการใช้จ่ายภาครัฐ มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้จากการประกาศใช้ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ที่คาดว่าจะล่าช้าเป็นสำคัญ
คณะกรรมการฯ เห็นว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยเผชิญกับความไม่แน่นอนจากปัจจัยต่างประเทศเป็นสำคัญ ซึ่งอาจกระทบต่อแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป โดยเฉพาะ 1.การกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศที่อาจรุนแรงและยืดเยื้อ จนส่งผลให้ปริมาณการค้าโลกชะลอลงมากกว่าคาดและกระทบต่อการส่งออกของไทย 2.แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศอุตสาหกรรมหลักและจีน ที่อาจต่ำกว่าคาดและส่งผลมาสู่อุปสงค์ในประเทศ ขณะที่ความไม่แน่นอนภายในประเทศที่สำคัญ ได้แก่ การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่ใช้เวลานาน อาจส่งผลต่อความต่อเนื่องของการเบิกจ่ายงบประมาณ รวมถึงนโยบายของรัฐบาลใหม่ เช่น นโยบายค่าจ้างขั้นต่ำ และนโยบายสวัสดิการต่าง ๆ
2.ความเสี่ยงบางจุดในระบบการเงิน อาจสร้างความเปราะบางให้กับเสถียรภาพระบบการเงินในอนาคต เช่น 1.การก่อหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ส่งผลให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่สัดส่วน NPL ในหมวดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากการเพิ่มขึ้นของ NPL รายใหม่ 2.พฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นในภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งอาจนำไปสู่การประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าที่ควร 3.ความเสี่ยงในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะอุปทานคงค้างในบางพื้นที่ และอุปสงค์จากต่างชาติที่ปรับลดลงจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวชะลอลง
ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี มีแนวโน้มทรงตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ และอยู่ใกล้เคียงกับขอบล่างของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ แต่เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อในระยะต่อไปยังมีความไม่แน่นอนจากความผันผวนของราคาน้ำมัน ความผันผวนของสภาพอากาศและภัยแล้ง รวมทั้งความไม่แน่นอนของนโยบายค่าจ้างขั้นต่ำที่อาจปรับเพิ่มปีนี้ คณะกรรมการฯ เห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายระดับปัจจุบันเอื้อให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเคลื่อนไหวสอดคล้องกับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ได้อภิปรายเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินนโยบายการเงิน โดยเห็นว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงตามแรงส่งจากอุปสงค์ต่างประเทศเป็นสำคัญ แต่มีแนวโน้มกลับมาขยายตัวใกล้เคียงระดับศักยภาพได้ในระยะต่อไป ขณะที่ยังมีปัจจัยเสี่ยงต่อเสถียรภาพระบบการเงินที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับในระยะข้างหน้ายังมีความไม่แน่นอนสูงทั้งปัจจัยต่างประเทศและในประเทศ นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในระดับปัจจุบันจึงยังมีความเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการฯ จะติดตามพัฒนาการของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ เสถียรภาพระบบการเงิน และอัตราแลกเปลี่ยน รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ โดยเฉพาะผลกระทบของการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ เพื่อประกอบการดำเนินนโยบายการเงินที่เหมาะสมในระยะต่อไป.-สำนักข่าวไทย