กยศ.เตรียมออกมาตรการช่วยนักเรียนที่ครอบครัวมีบัตรสวัสดิการกู้สิทธิพิเศษ

ก.คลัง 5 ก.ค. – กยศ.เตรียมออกมาตรการช่วยนักเรียนที่ครอบครัวมีรายได้น้อยกู้ได้สิทธิพิเศษ พร้อมออกมาตรการประนีประนอมใหม่ หวังเพิ่มเงินกลับเข้ากองทุน ระบุหลังหักหนี้ผ่านบัญชีเงินเดือนข้าราชการ-เอกชน ทำเงินคืนเพิ่ม 420 ล้านบาทต่อเดือน มั่นใจสิ้นปีมีเงินกองทุน 3 หมื่นล้านบาท ช่วยนักเรียนได้ 6 แสนราย


นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กล่าวว่า กยศ.กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาการออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือนักเรียนที่ครอบครัวมีรายได้น้อยและถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้ได้สิทธิพิเศษในการกู้ยืม ที่ผ่านมา กยศ.เน้นช่วยเหลือกลุ่มนักเรียนที่ครอบครัวขาดเเคลนทุนทรัพย์และกลุ่มที่ต้องการศึกษาเป็นที่ต้องการของตลาด ทั้งการลดอัตราดอกเบี้ยและการกู้ไม่จำกัดจำนวน ซึ่งในส่วนของนักเรียนที่ครอบครัวมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก็จะได้รับสิทธิ์ดังกล่าวด้วย แต่จะขอพิจารณาความเหมาะสมก่อน

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้กู้ยืมที่ผิดนัดชำระหนี้รวมทั้งหมดประมาณ 2.09 ล้านราย ซึ่งในจำนวนนี้ถูกดำเนินคดีแต่ละปีมีประมาณ 100,000 ราย ในส่วนนี้มีการประนีประนอมในชั้นศาล ประมาณ 80,000 ราย โดยในจำนวนนี้เมื่อมีการประนีนอมแล้วก็ยังมีการผิดนัดชำระหนี้ร้อยละ 70 ซึ่ง กยศ.ได้มีการปรับเงื่อนไขสัญญาเพื่อช่วยเหลือผู้กู้ยืมที่ค้างชำระหนี้จนถึงขั้นถูกบอกเลิกสัญญาและดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยผู้กู้ยืมที่ถูกดำเนินคดีตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป กองทุนจะลดเบี้ยปรับร้อยละ 75 ของเบี้ยปรับที่มีอยู่ ณ วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ  


สำหรับการลดเบี้ยปรับมีเงื่อนไขว่าผู้กู้ยืมที่ตกลงทำสัญญาแล้วต้องไม่ผิดนัดชําระหนี้งวดใดงวดหนึ่ง ตั้งแต่ปีที่ 2 เป็นต้นไป หากผิดนัดชำระปีที่ 2 เป็นต้นไป กองทุนจะนำส่วนลดเบี้ยปรับกลับเข้ามาเป็นหนี้ตามคำพิพากษาทันทีและต้องเสียเบี้ยปรับร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินงวดที่ผิดนัด  โดย  กยศ.ให้โอกาสผู้กู้ผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 15 ปีนับตั้งแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ แบ่งตามทุนทรัพย์ พวกเงินต้น ดอกเบี้ย เบี้ยปรับ รวมกันคงเหลือ ณ วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งทุนทรัพย์ไม่เกิน 250,000 บาท ผ่อนชำระไม่เกิน 9 ปี ทุนทรัพย์ตั้งแต่ 250,000 – 400,000 บาท ผ่อนชำระไม่เกิน 12 ปี  และทุนทรัพย์มากกว่า 400,000 บาทขึ้นไป ผ่อนชำระไม่เกิน 15 ปี ส่วนอัตราดอกเบี้ยปกติที่คิดร้อยละ1 ต่อปีของเงินต้นที่ค้างชำระ

ขณะเดียวกันจากมาตรการการหักบัญชีเงินเดือนลูกหนี้ที่เป็นข้าราชการและเอกชน รวม 760,000 ราย ส่งผลให้กองทุนมีการชำระหนี้กลับเข้ามาเพิ่มขึ้นเดือนละ 420 ล้านบาท คาดว่าสิ้นปีกองทุนจะมีเงินสะสมรวม 30,000 ล้านบาท ทำให้สามารถช่วยนักเรียนมีทุนเรียนหนังสือแต่ละปี 600,000 ราย 

สำหรับจำนวนนักเรียนที่กู้ยืมเงินกองทุนปัจจุบัน  5.6 ล้านคน คิดเป็นมูลหนี้ 6.03 ล้านบาท แบ่งเป็นอยู่ระหว่างการศึกษา 598,000 คน อยู่ในช่วงปลอดหนี้ 378,000 คน ชำระหนี้เสร็จสิ้น 1.02 ล้านคน อยู่ระหว่างการชำระหนี้ 3.54 ล้านคน และอื่น ๆ กรณีเสียชีวิตและทุพลภาพ 56,000 คน ทั้งนี้ ผู้กู้ที่อยู่ระหว่างการชำระหนี้ 3.54 ล้านคน คิดเป็นมูลหนี้ 411,000 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้ผิดนัดชำระหนี้กว่า 2 ล้านราย คิดเป็นเงินค้างชำระ 73,000 ล้านบาท โดยในส่วนนี้ผิดนัดชำระหนี้แต่ยังไม่ถูกดำเนินคดี 1.05 ล้านคน และถูกดำเนินคดีเเล้ว 1.03 ล้านคน . – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

รถบัสรับส่งพนักงานพุ่งตกคูน้ำ เจ็บ 21

รถบัสรับส่งพนักงานพุ่งตกคูน้ำ ถนนสายเอเชีย ขาขึ้น จ.พระนครศรีอยุธยา มีผู้บาดเจ็บ 21 คน คาดคนขับหลับใน เบื้องต้นยังไม่พบตัว

เน้นเครื่องจักรหนักเข้าถึงโซน B, C คาดมีผู้ติดค้างจำนวนมาก

ฝนตกหนักช่วงเช้า เพิ่มอุปสรรคค้นหาผู้ประสบภัย และการรื้อซากอาคาร สตง.ถล่ม เจ้าหน้าที่ทุกส่วนต้องหยุดปฏิบัติภารกิจชั่วคราว วันนี้ยังเน้นใช้เครื่องจักรหนักเข้าถึงโซน B และโซน C ที่มีลักษณะคล้ายร่างกายมนุษย์ติดอยู่ในซาก ด้านทีม K9 ประกาศยุติภารกิจค้นหาผู้สูญหาย