กระบี่ 4 มิ.ย. – วันนี้แต่เดิมศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีนัดอ่านคำพิพากษาคดีที่บังฟัตและพวก 8 คน ร่วมกันก่อเหตุสังหารโหดยกครัวผู้ใหญ่บ้านกลาง จ.กระบี่ เมื่อปี 2560 โดยทั้งฝั่งญาติของผู้ใหญ่วรยุทธ และญาติบังฟัต เดินทางมารอฟังคำพิพากษา แต่แล้วศาลก็เลื่อนนัดออกไป หลังจากจำเลยมาศาลไม่ครบ
ด.ช.นาบิ้น ในวัย 2 ขวบเศษ บุตรชายที่เหลือรอดชีวิตเพียงคนเดียวของนายวรยุทธ สังหลัง อดีตผู้ใหญ่หมู่ 1 บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ จากเหตุฆ่ายกครัวของนายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล หรือบังฟัตและพวกรวม 8 คน ขณะที่มีอายุได้เพียง 3 เดือน วิ่งเล่นด้วยความไร้เดียงสาภายในศาลจังหวัดกระบี่ระหว่างรอนายจรีย์ และนางอ้าส้า บุตรเติบ ผู้เป็นตาและยาย ซึ่งปัจจุบันทำหน้าที่เสมือนพ่อและแม่แทนผู้ใหญ่วรยุทธ ที่เสียชีวิตพร้อมกับภรรยาและลูกๆ อีกรวม 5 คน เดินทางมารอฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ พร้อมกับสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัว แต่แล้วก็ต้องผิดหวัง หลังจากจำเลยที่ 7 ซึ่งพ้นโทษไปแล้วไม่มาศาล ศาลจึงเลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไปเป็นวันที่ 9 กรกฎาคม 2562
นางอัญชลี บุตรเติบ เหยื่อจากการสังหารโหดที่รอดชีวิตมาได้พร้อมกับบุตรสาวอีก 2 คน หลังบังฟัตลั่นไกพลาดเป้า กระสุนพลาดเฉี่ยวโดนศีรษะ แต่ต้องสูญเสียสามีในที่เกิดเหตุ ระบุว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ครอบครัวต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก รวมถึงต้องทุกข์ยากลำบากกับปัญหาบ้านและที่ดินที่บังฟัตนำไปจำนองไว้กับธนาคาร และธนาคารกำลังจะยึดเนื่องจากไม่มีเงินไถ่ถอน ส่วนเงินเยียวยาและเงินชดเชยที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้บังฟัตและพวกชดใช้ให้กับครอบครัว จนถึงขณะนี้ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือ บุตรสาวทั้งสองคนที่รอดชีวิต ปัจจุบันยังมีอาการหวาดผวา บางครั้งมีอาการปวดศีรษะรุนแรงจากแผลที่ถูกกระสุน
ด้านนางชลิดา สังข์โชติ ภรรยาของบังฟัต และเป็นจำเลยที่ 8 ในคดีฆ่ายกครัวนายวรยุทธ ที่ปัจจุบันพ้นโทษแล้ว วันนี้เดินทางมาศาลจังหสัดกระบี่เพื่อรอฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 8 ด้วย เธอกล่าวขอโทษพร้อมยกมือไหว้นางอ้าส้า บุตรเติบ มารดาของผู้ใหญ่วรยุทธ แต่นางอ้าส้าปฏิเสธไม่รับคำขอโทษใดๆ เพราะยังเป็นเรื่องยากต่อการทำใจ
อย่างไรก็ตาม นางชลิดา สังข์โชติ ซึ่งถูกศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 12 เดือน และพ้นโทษมาแล้วร่วมปี ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกหลังเหตุการณ์ผ่านมาร่วม 2 ปี ว่าเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ยืนยันหากศาลอุทธรณ์ภาค 8 กลับคำพิพากษาลงโทษให้จำคุกเพิ่ม ก็จะใช้สิทธิยื่นต่อสู้ในศาลฎีกา เพราะมั่นใจว่าตนเองได้รับโทษมากเพียงพอแล้ว
คดีฆ่ายกครัวผู้ใหญ่วรยุทธในขณะนั้นได้รับความสนใจไปทั่วประเทศ เนื่องจากเป็นคดีสะเทือนใจสังคม โดยตำรวจระดมทีมชุดสืบสวนทำงานอย่างหนัก ใช้เวลา 5 วันก่อนจะได้เบาะแสเข้าควบคุมตัวและออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ในพื้นที่ จ.ภูเก็ตและพังงา มีการตรวจสอบพบอาวุธปืนที่คนร้ายนำไปซุกซ่อนฝังดิน รวมถึงรถยนต์ของผู้เสียหายที่คนร้ายวางเพลิงเผาทำลายหลักฐาน
ผู้ต้องหา 8 คน ประกอบด้วย นายคมสรรค์ เวียงนนท์ นายอับดุลเลาะ ดอเลาะ นายอรุณ ทองคำ นายประจักษ์ บุญทอย นายธนชัย จำนอง นายธวัฒชัย บุญคง และนางชลิดา สังข์โชติ
บังฟัตรับสารภาพว่าเป็นผู้วางแผนและลงมือสังหารคนในบ้านทั้ง 8 คน สาเหตุมาจากเรื่องขัดแย้งที่ดิน ที่ผู้ใหญ่วรยุทธ นำไปขายฝาก แต่บังฟัตนำที่ดินไปจำนองธนาคารอีกทอดหนึ่ง ทำให้มีปัญหาจนนำมาสู่การก่อคดีสะเทือนขวัญ หลังจากนั้นศาลชั้นต้นพิเคราะห์พฤติการณ์จำเลยทั้งหมด ก่อนจะตัดสินลงโทษประหารชีวิตบังฟัต และพวกรวม 6 คน เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2561 ให้เหตุผลว่าเป็นการกระทำที่อำมหิตและโหดเหี้ยม
ต้องติดตามต่อไปว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ถูกเลื่อนไปเป็นวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ จะออกมาในลักษณะใด. – สำนักข่าวไทย