ก.ล.ต.จับมือ ตลท.ขับเคลื่อนตลาดทุน

กรุงเทพฯ 2 มิ.ย. – ก.ล.ต.จับมือ ตลท.ทำงานบูรณาร่วมกัน เพิ่มศักยภาพตลาดทุน อำนวยความสะดวก และลดความซ้ำซ้อนให้บริษัทจดทะเบียน 


นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ก.ล.ต.จะทำงานร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แบบบูรณาการ เพื่อพัฒนาและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของตลาดทุนไทย และจะสานต่อโครงการต่าง ๆ ที่เป็นข้อตกลงร่วมกันตั้งแต่ช่วงไตรมาส 1 ให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างรวดเร็ว เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับบริษัทจดทะเบียน ลดความซ้ำซ้อนและลดภาระในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความชัดเจนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ จะส่งเสริมการทำธุรกิจตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี รับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และสิทธิมนุษยชน เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า ตลท.มีแผนกลยุทธ์สำคัญ “Creating Partnership Platform to Drive Inclusive Growth” โดยมุ่งเป็นแพลตฟอร์มตลาดทุนครบวงจรของประเทศ พร้อมอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนแก่ภาคธุรกิจ รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายโอกาสการเติบโตทุกภาคส่วน ซึ่ง ตลท.ได้ทำงานร่วมกับผู้ร่วมตลาดอย่างใกล้ชิด การสนับสนุนจาก ก.ล.ต.และการบูรณาการการทำงานร่วมกันจะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาตลาดทุนให้เป็นประโยชน์ต่อทั้งเศรษฐกิจ สังคม และประเทศชาติได้อย่างยั่งยืน


ทั้งนี้ โครงการที่ดำเนินการร่วมกัน ได้แก่ One Stop Service การจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการระดมทุนและการปฏิบัติตามเกณฑ์ภายหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แบบครบวงจร (end-to-end) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับบริษัทที่สนใจระดมทุนและบริษัทจดทะเบียน จากปัจจุบันที่ต้องติดต่อสอบถามในเรื่องเดียวกันจากสองหน่วยงาน ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มให้บริการเดือนกันยายน 2562  One Report  อำนวยความสะดวกบริษัทจดทะเบียน โดยการลดความซ้ำซ้อนของแบบ 56-1 และแบบ 56-2 ที่มีสาระสำคัญใกล้เคียงกันให้เหลือเพียงแบบเดียว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็น ทั้งนี้ คาดว่าจะเปิดให้บริษัทจดทะเบียนที่มีความพร้อมนำแบบใหม่มาใช้โดยสมัครใจในการยื่นรายงานประจำปี 2562 ครบกำหนดส่งปี 2563 และเริ่มใช้บังคับกับทุกบริษัทสำหรับรายงานประจำปี 2563 ที่ครบกำหนดส่งในปี 2564 เป็นต้นไป

ส่วนแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบ 69-1) ของบริษัทที่ยื่นคำขอไอพีโอนั้น จะใช้บังคับตั้งแต่การยื่นแบบปี 2564 เป็นต้นไป นอกจากนี้ จะปรับปรุงแบบรายงานให้กระชับและมีการเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG (Environmental, Social and Governance) และสิทธิมนุษยชนมากยิ่งขึ้น เพื่อช่วยขับเคลื่อนประเทศไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals: SDGs) อีกด้วย One ESG การผลักดันการขับเคลื่อน ESG (Environmental, Social and Governance) ของตลาดทุน โดยจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อน ESG เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาของภาคส่วนต่าง ๆ ให้เป็นแนวทางเดียวกัน และมีการบูรณาการร่วมกัน รวมทั้งมีการแบ่งบทบาทหน้าที่ให้ชัดเจน โดย ก.ล.ต.จะมีบทบาทในเรื่องการออกกฎเกณฑ์ กำกับดูแล และบังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งการคุ้มครองสิทธิของผู้ลงทุนรายย่อย และร่วมมือกับผู้ลงทุนสถาบันในการผลักดันให้เกิด ESG ในบริษัทจดทะเบียนมากขึ้น

ทั้งนี้ ตลท.จะส่งเสริมกระบวนการและกลไกให้บริษัทจดทะเบียนนำหลักไปใช้จริงรวมทั้งการเปิดเผยข้อมูล ขณะที่สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) จะรับผิดชอบด้านการส่งเสริมบทบาทคณะกรรมการ บริษัทจดทะเบียน เพื่อทำให้เกิด ESG มากขึ้นและเป็นศูนย์คู่มือและแนวปฏิบัติด้าน ESG นอกจากนี้ ก.ล.ต.และ ตลท.ตกลงที่จะมีความร่วมมือด้านงานวิจัยและพัฒนาตลาดทุนอย่างต่อเนื่อง โดยจะเริ่มจากการศึกษาบทบาทของประชากรแบ่งตามรุ่น (generation) ต่าง ๆ ที่มีต่อการลงทุน และนำผลวิจัยไปใช้ในการกำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการออมและการลงทุนระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการตั้งเกณฑ์สำหรับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) สำหรับบริษัทที่มีขนาดเป็น SMEs เพื่อเป็นการส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุน แต่จะต้องมีการกำหนดกฏเกณฑ์ที่มีความเหมาะสมและควบคุมความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับนักลงทุน คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายใน 3-6 เดือนนี้


ส่วนการตั้งคณะกรรมการ ตลท.ชุดใหม่ 10 ตำแหน่งภายใต้ พ.ร.บ.ฉบับใหม่ คาดว่าจะเสร็จไม่เกินวันที่ 14 สิงหาคม แบ่งเป็นการคัดเลือกจากสมาชิกตลาดหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) 4 ราย และคัดเลือกจาก ก.ล.ต. 6 ราย โดยในส่วนของการคัดเลือกของ ก.ล.ต. จะมีการคัดเลือกจากหน่วยงานที่เกี่ยวค่องกับตลาดทุนให้เสนอรายชื่อเข้ามาองค์กรละ 6 ราย เพื่อส่งให้คณะกรรมการกลั่นกรองพิจารณาคุณสมบัติก่อนที่จะคัดเลือกเหลือ 6 ราย และรวบรวมรายชื่อทั้งหมดแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการชุดใหม่.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ว่าฯ สงขลา จัดคิวนายอำเภอรับ-ส่ง “เดชอิศม์” ทุกสัปดาห์

กทม. 18 ส.ค.-ผู้ว่าฯ สงขลา ทำหนังสือด่วน จัดคิวนายอำเภอ เวียนต้อนรับ-ส่ง “เดชอิศม์” สนามบินหาดใหญ่ ทุกสัปดาห์ นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ สข 0017.3/17839 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวก นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เรียน นายอำเภอเมืองสงขลา ด้วยจังหวัดสงขลาได้รับแจ้งว่า นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มีกำหนดเดินทางมาราชการในพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจราชการสำคัญตามนโยบายรัฐบาล และมีกำหนดเดินทางกลับไปปฏิบัติราชการ ณ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 18 สิงหาคม 2568 โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 3103 เวลา 08.25-09.50 น. เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จังหวัดสงขลาจึงขอให้ท่านดำเนินการ ดังนี้ 1. เชิญนายอำเภอเมืองสงขลา ร่วมส่งนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ณ ห้องรับรอง ท่าอากาศยานหาดใหญ่ […]

ดราม่า “ไข่เจียวปู 4,000” ถึงหูพาณิชย์

กรุงเทพฯ​ 18 ส.ค.​-“จตุพร” สั่งกรมการค้าภายในตรวจสอบประเด็น​ดราม่า​ “ไข่​เจียวปู” ร้าน​ Michelin Guide สูงถึง​จานละ 4,000 บาท​ จาก​ที่​แจ้งราคาในเมนู​ 1,500​ บาท ย้ำ​ไม่ตรงปกไม่ได้ กรณี “พีชชี่” ยูทูบเบอร์ชื่อดัง โพสต์เล่าประสบการณ์สั่งไข่เจียวปูร้านดังราคาเมนู 1,500 บาท แต่ถูกเก็บจริง 4,000 บาท กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ ล่าสุด นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า จะมอบหมายให้กรมการค้าภายใน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะนี้​ยังไม่ได้รับรายละเอียด​ แต่โดยหลักการแล้ว ราคาที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคต้องตรงกับราคาที่ระบุในเมนู หาก “ไม่ตรงปก” จะบั่นทอนความเชื่อมั่นทางการค้า “การค้าขายจะยั่งยืนได้ต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจ หากผู้บริโภครู้สึกว่า​ ราคาไม่ตรงกับที่เห็นในเมนู ย่อมเสียความรู้สึก” นายจตุพรกล่าว เรื่องนี้เริ่มจาก “พีชชี่” โพสต์ผ่าน X เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ระบุว่าไปทานไข่เจียวปู ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยเพียงไม่กี่แห่งที่ได้รับการบรรจุใน Michelin Guide โดยเมนูระบุราคา 1,500 […]

“บิ๊กต่าย” ถกบอร์ดกลั่นกรอง เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร.

กรุงเทพฯ 17 ส.ค. – ผบ.ตร. นั่งหัวโต๊ะประชุมกลั่นกรองแต่งตั้งนายพลสีกากี เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร. ที่ห้องประชุม 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ตร. หรือ “บอร์ดกลั่นกรอง” พิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก. โดยมี พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. และ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.สกพ. และเลขานุการ เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ […]

เสียงเรียกแห่งความอร่อย…ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วโบราณเชียงใหม่

เชียงใหม่ 17 ส.ค. – โดดเด่นไม่เหมือนใคร “ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วสูตรโบราณ” ของอาแปะตี๋อ้วน ที่แต่งกายแบบล้านนาโบราณ เดินหาบขายตามตลาดและย่านชุมชนใน จ.เชียงใหม่ มานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยใช้การตีกังสดาล หรือระฆังวงเดือน เรียกลูกค้า สะดุดตาผู้พบเห็น หลายคนติดใจในรสชาติและราคาที่ย่อมเยา จนมีลูกค้ามากมาย .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.ยันคลิปรื้อถอนหลักเขตแดนเป็นข่าวบิดเบือน

18 ส.ค.- กองทัพบก ยันคลิปรื้อถอนหลักเขตแดน เป็นข่าวบิดเบือน หวังสร้างความเข้าใจผิดต่อสังคม จากกรณีคลิปวิดีโอปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ ในลักษณะการใช้รถตักดินทำการรื้อถอนหลักคอนกรีตที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นหลักเขตแดนไทย-กัมพูชานั้น กองทัพบกได้ตรวจสอบข้อมูลกับหน่วยทหารในพื้นที่แล้ว พบว่าภาพหลักคอนกรีตที่ปรากฏในคลิปวีดีโอนั้นไม่ใช่หลักเขตแดนไทย-กัมพูชา ที่สร้างโดยคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1919-1920 (พ.ศ. 2462-2463) เนื่องจากขนาดและรูปร่างของ หลักเขตแดนไทย-กัมพูชา จะต้องมีความกว้าง 40 ซม. ยาว 40 ซม. สูงเหนือพื้นดิน 1 เมตร และส่วนที่ฝังลงไปในดินมีฐานรากอีกประมาณ 80 ซม. มีการสลักข้อความ 3 ภาษา คือด้านที่หันเข้าหาฝั่งไทย จะเขียนว่ากรุงสยามอยู่บรรทัดบน ภาษาฝรั่งเศสอยู่ตรงกลาง และภาษาเขมรอยู่บรรทัดล่าง ด้านที่หันเข้าหาประเทศกัมพูชา จะเขียนบรรทัดบนเป็นภาษาเขมร บรรทัดกลางเป็นภาษาฝรั่งเศส และบรรทัดล่างเป็นภาษาไทย เขียนว่ากรุงกัมพูชา ส่วนด้านข้างของตัวหลักทั้ง 2 ข้าง ก็เขียนไว้ 3 ภาษา เช่นเดียวกัน โดย ภาษาไทยเขียนไว้ว่าแดนต่อแดน และด้านบนหลักเขตจะมีหมายเลขหลักเขตกำกับไว้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ ขอให้ติดตามข่าวสารจากข้อมูลในช่องทางอย่างเป็นทางการเท่านั้น เช่น […]

ผู้ว่าฯ สงขลา ยืนยันไม่ได้ออกคำสั่งรับ มท.3

สงขลา 18 ส.ค.-ผู้ว่าฯ สงขลา ยืนยันไม่ได้ออกคำสั่งให้นายอำเภอจัดเวรต้อนรับ-ส่ง “เดชอิศม์” ส่วนมีใครคิดจะปลอมแปลงขึ้นมาก็ต้องตรวจสอบกันต่อไป นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ออกมากล่าวถึงเรื่องที่มีหนังสือคำสั่งทางราชการให้นายอำเภอของจังหวัดสงขลาทั้ง 16 อำเภอจัดเวรต้อนรับ-ส่ง และจัดห้อง VIP พร้อมอาหารว่าง ต้อนรับ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทย นายเดชอิศม์ ขาวทอง ซึ่งรายละเอียดในหนังสือกล่าวว่าให้นายอำเภอเมืองสงขลาปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 18 สิงหาคม 2568 คือในวันนี้ ว่าไม่เป็นความจริง ตนไม่ได้ออกหนังสือฉบับนี้ เพราะหนังสือที่ตนลงนามฉบับสุดท้ายในวันนั้นคืองานประชุม ส่วนความจริงตอนนี้มอบหมายให้รองผู้ว่าราชการที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว แต่ให้ข้อคิดว่าหนังสือที่จะขอใช้พื้นที่หน่วยงานจากท่าอากาศยาน ก็ต้องเป็นลายเซ็นของผู้ว่าราชการเท่านั้น ส่วนมีใครคิดจะปลอมแปลงหรือทางหนังสือปลอมขึ้นมาก็ต้องตรวจสอบกันต่อไป แต่จะให้ได้ความจริงให้เร็วที่สุด เมื่อมีการสอบถามเรื่องความขัดแย้งของจังหวัดสงขลาราชการจังหวัดสงขลากล่าวว่าท่านไม่น่าจะมีความขัดแย้งกับใคร เพราะไม่เคยทำงานในพื้นที่มาก่อน เพิ่งมารับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาในครั้งแรก ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ยังกล่าวอีกว่า วันและเวลาดังกล่าวที่มีการออกหนังสือ ตนก็ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ไปธุระส่วนตัวงานแต่งงานของญาติที่จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่จะให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหาความจริงเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเพราะถือว่าเป็นการทำผิดอย่างมาก.-สำนักข่าวไทย

“วันนอร์” จี้ สส.ที่ถูกติดต่อให้เงิน 10 กก. เปิดโปง อย่าอ้ำอึ้ง

รัฐสภา 18 ส.ค.-“วันนอร์” จี้ สส.ที่ถูกติดต่อให้เงิน 10 กก. เปิดโปง อย่าอ้ำอึ้ง ยันพร้อมตรวจสอบหากส่งเรื่อง-หลักฐานร้องมา ส่วนปัญหาองค์ประชุม โยนวิปรัฐคุมเสียงปริ่มน้ำ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงปัญหาองค์ประชุมที่เสียงรัฐบาลปริ่มน้ำทำให้ประธานต้องชิงปิดประชุมหลายครั้งเพราะองค์ประชุมไม่ครบ ว่าเสียงของรัฐบาลเป็นหน้าที่ของวิปรัฐบาล ที่จะทำให้องค์ประชุมเกินกึ่งหนึ่งเพื่อให้ประชุมได้ ซึ่งในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ที่ผ่านมา ต้องมีการตรวจสอบองค์ประชุมก่อนลงมติ ดังนั้นหากประสานงานกันให้ดีและทุกคนรู้หน้าที่ตนเอง สภาก็คงดำเนินการเดินหน้าไปได้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นกฎหมายอะไรก็เช่นกัน หากมีการลงมติที่มีผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ก็คิดว่าหากทุกคนปฏิบัติตามหน้าที่ ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะรัฐบาลมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งจะมากหรือจะน้อยก็ถือว่าเกินกึ่งหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นองค์ประชุมและลงคะแนนได้ ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนที่มีการปิดประชุมก่อนเนื่องจากเสียงไม่พอนั้น ประธานสภาผู้แทนราษฎรกล่าวว่า หากองค์ประชุมไม่ครบก็ต้องปิดประชุม เพราะตามกฎหมายและข้อบังคับไม่สามารถดำเนินการไปได้ ซึ่งก็ต้องดูกันไป โดยในช่วงสัปดาห์ต่อไปก็มีกฎหมายหลายฉบับที่จะเข้ามา ซึ่งตนคิดว่าแม้องค์ประชุมมาก หากสมาชิกไม่มาอยู่ในห้องประชุมให้ครบองค์ประชุมก็ไม่มีประโยชน์อะไรเช่นกัน แต่ถ้าองค์ประชุมปริ่มน้ำ แต่มาครบเกินกึ่งหนึ่งก็ดำเนินการไปได้ เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ที่มีฝ่ายค้านและรัฐบาล โดยหากรัฐบาลต้องการให้กฎหมายผ่าน มติกฎหมายของฝ่ายรัฐบาล รัฐบาลก็ต้องดูแลสมาชิกให้เกินกึ่งหนึ่งจะมากหรือจะน้อยก็ให้เกินกึ่งหนึ่งก็ถือว่าใช้ได้แล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎรยังกล่าวถึงกรณีที่มี สส.ออกมาเปิดเผยว่า มีการเสนอให้เงิน 10 กิโล เพื่อแลกกับการลงมติ ผ่านร่างพระราชบัญญัติงบประมาณฯ และร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ว่า […]

กัมพูชาขอเลื่อนประชุม RBC ทภ.2 เป็น 27 ส.ค.นี้

กทม. 18 ส.ค.-กัมพูชาขอเลื่อนประชุม RBC กองทัพภาคที่ 2 เป็นวันที่ 27 ส.ค.นี้ เตรียมนัดหารือที่ช่องสะงำ ศบ.ทก. แจ้งความคืบหน้าการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค RBC ไทย-กัมพูชา ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 โดยระบุว่ากองเลขาฯ ฝ่ายกัมพูชา ประสานขอเลื่อนการประชุม RBC สมัยวิสามัญ จากเดิมวันที่ 21 ส.ค.68 เป็นวันที่ 27 ส.ค.68 เพื่อมีเวลาเตรียมการประชุมเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นำเรียน พลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. แล้ว ไม่ขัดข้องสำหรับการเลื่อนห้วงการประชุม RBC ตามที่ฝ่ายกัมพูชาเสนอ ดังนั้น กองทัพภาคที่ 2 จึงขอเลื่อนการประชุมประสานการปฏิบัติ และการประชุม RBC สมัยวิสามัญ ดังนี้1.วันที่ 25-26 ส.ค.68 : ประชุมกองเลขาฯ2.วันที่ 27 […]