ทำเนียบรัฐบาล 28 พ.ค.-นายกฯ ระบุการแก้รธน.เป็นเรื่องรัฐบาลใหม่ ส่วนรายชื่อครม.พรรคร่วมรัฐบาลต้องเห็นชอบ เชื่อถ้านั่งนายกฯอีกรอบคุมเกมในสภาได้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงกรณีพรรคการเมืองยื่นเงื่อนไขขอแก้ไขรัฐธรรมนูญในการร่วมรัฐบาล ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เงื่อนไขของตนเอง แต่เป็นเงื่อนไขของรัฐบาลหน้าที่ต้องดำเนินการต่อไป เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปต้องแก้ไขกฎหมายบ้าง ซึ่งถือเป็นขั้นตอนตามกฎหมายและของสภาผู้แทนราษฎร จะมาต่อรองกับตนได้อย่างไร ขอให้แยกแยะว่าการร่วมรัฐบาลหรือไม่ ต้องยึดหลักให้บ้านเมืองสงบ รัฐบาลมีเสถียรภาพ ซึ่งทุกคนต้องปรับเปลี่ยนตัวเองกันบ้าง
ส่วนการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะต้องหารือกันต่อไป เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีคนต่อไปจะต้องแก้ไขปัญหา และทุกพรรคการเมืองต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาด้วยการพูดคุยเพื่อหาทางออก เพื่อร่วมกันทำการเมืองให้ดีขึ้น การปฏิรูปการเมืองต้องขึ้นอยู่กับพรรคการเมืองและนักการเมือง ซึ่งต้องใช้เวลา
“ผู้ที่เป็นนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้พิจารณารายชื่อรัฐมนตรีจากการเสนอชื่อของพรรคร่วมรัฐบาลด้วยตัวเอง ซึ่งเมื่อเสนอชื่อก็ต้องหารือร่วมกัน และก่อนนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ จะต้องพิจารณารายชื่อว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ และจะต้องเป็นการเห็นชอบร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาล” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนกรณีกลุ่มสมาชิกรัฐสภาอาเซียนเรียกร้องทางการไทยยุติคุกคามนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม นายกรัฐมนตรี ถามกลับว่า ตนอยู่ตรงข้ามกับใคร เชื่อว่าเรื่องนี้มีกระบวนการสร้างความเข้าใจผิดบางประการ โดยเฉพาะในเวทีต่างประเทศที่จะนำมาใช้เป็นโล่ให้ตัวเอง อยากให้ทุกคนมองพื้นฐานว่าทุกคดีความเป็นคดีความตามกระบวนการยุติธรรมทั้งสิ้น และกฎหมายเขียนไว้ แต่เมื่อกระทำความผิดไปแล้วและพยายามบิดเบือนว่าเป็นเรื่องทางการเมือง คงไม่ถูกต้อง
“การกระทำของคน เป็นสิ่งที่ชี้ว่าเป็นคนอย่างไร ถ้าทุกคนปฏิบัติตามกฎระเบียบและกฎหมายก็ไม่มีปัญหา กระบวนการยุติธรรมให้โอกาสต่อสู้คดี ซึ่งคสช.ไม่เคยเข้าไปก้าวก่าย และได้ยกเลิกคำสั่งคสช.ที่ไม่จำเป็นไปแล้ว บังคับใช้เท่าที่จำเป็น ขอร้องอย่าดึงต่างชาติเข้ามาเป็นเครื่องมือแทรกแซงกิจการในประเทศ เพราะเป็นการชักศึกเข้าบ้าน ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น กฎหมายคือกฎหมาย ถ้าไม่เคารพกฎหมายไทย จะไปเคารพกฎหมายที่ไหน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงบรรยากาศการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า ถ้ามองแบบคนเก่า ๆ เห็นว่าเป็นแบบเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และเป็นบรรยากาศแบบสภาฯ ไทย อย่างไรก็ตาม ไม่ได้รู้สึกกลุ้มใจ เพราะยังไม่ได้เข้าไปทำหน้าที่ แต่หากได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เชื่อว่าสามารถคุมสถานการณ์ในสภาฯ ได้ ขออย่ามองว่าเป็นการสู้ศึกในสภาฯ ต้องมองว่าสภาฯเป็นที่ทำประโยชน์ให้ประชาชน ส่วนที่ถกเถียงกันไปมา เป็นบทบาททางการเมืองในสภาฯ.-สำนักข่าวไทย
