พล.อ.เปรม ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบเมื่อรุ่งเช้า สิริอายุ 98 ปี

สำนักข่าวไทย 26 พ.ค. –  พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและระัฐบุรุษ ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบเมื่อรุ่งเช้า ที่ผ่านมา สิริอายุ 98 ปี  ปิดตำนาน ประธานองคมนตรี 2 แผ่นดิน ขณะที่นายทหารสนิทปัดให้รายละเอียด โดยขอให้รอแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ  


มีรายงานข่าวจาก รพ.พระมงกุฎเกล้า เมื่อรุ่งเช้าที่ผ่านมา พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ได้ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบ ที่รพ.พระมงกุฎเกล้า แต่รายละเอียดต้องรอการแถลงการณ์ทำเนียบองคมนตรี  ทั้งนี้จาการสอบถาม พล.ร.ท.พะจุณณ์ ตามประทีป นายทหารคนสนิท กล่าวว่า ขณะนี้ตนติดภารกิจอยู่ที่ต่างจังหวัด และอยู่ระหว่างการเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ และเดินทางไป รพ.พระมงกุฎเกล้า แต่ไม่ขอพูดในรายละเอียด ขอให้รอติดตามจากแถลงการณ์อย่างเป้นทางการ  แต่ทราบว่า พล.อ.เปรม เข้ารักษาตัวที่ รพ.พระมงกูเกล้า มาระยะหนึ่งแล้ว 

พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เกิดเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2463 สิริอายุ 98 ปี  ดำรงตำแหน่งสำคัญ ได้แก่ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ, ที่ปรึกษาและกรรมการในคณะอำนวยการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก อดีตผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 16 ดำรงตำแหน่ง 3 สมัย ระหว่างปี 2523 ถึง 2531


ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยบุคลิกเป็นคนพูดน้อย จึงให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนน้อยมาก จนถูกหนังสือพิมพ์ขานนามว่า เตมีย์ใบ้ และได้รับอีกฉายาหนึ่งว่า นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา จากเหตุการณ์กบฏเมษาฮาวายและกบฏ 9 กันยา หลังพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 3 สิงหาคม 2531 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พลเอกเปรม เป็นองคมนตรี ในวันที่ 23 สิงหาคม 2531 จากนั้นในวันที่ 29 สิงหาคม 2531 ได้รับโปรดเกล้าฯ ยกย่องให้เป็นรัฐบุรุษ และในวันที่ 4 สิงหาคม 2541 มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้เป็นประธานองคมนตรี

ผลงานสำคัญขณะดำรงตำแหน่ง 

1.การปรับปรุงประมวลกฎหมายรัษฎากรและกฎหมายสรรพสินค้า เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่สังคม


2.การสร้างงานตามโครงการสร้างงานในชนบท (กสช.) โดยสานต่อจากนโยบายเงินผันที่ดำเนินการมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช

3.การจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐบาลและเอกชน (กรอ.) เพื่อส่งเสริมบทบาททางการค้าและการลงทุนของภาคเอกชนภายในประเทศ

4.การแก้ปัญหาการตกต่ำทางเศรษฐกิจในช่วงแรกที่เข้าบริหารประเทศ รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายประหยัดมุ่งเน้นในด้านการผลิตและการส่งออกของสินค้ากับประเทศสังคมนิยมตะวันออกอย่างได้ผล ทำให้รัฐบาลชุดนี้สามารถสร้างเสริมกำลังทางด้าน เงินทุนสำรองเงินตราต่างประเทศได้อย่างน่าภูมิใจ จึงนับว่ารัฐบาลสมัยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์เป็นผู้สร้างฐานเศรษฐกิจของชาติที่สำคัญ ทำให้ประเทศไทยมีเงินทุนสำรองที่เป็นเงินตราต่างชาติมากขึ้น รัฐบาลได้สนับสนุนการส่งออก 

5.การเข้าร่วมประชุมองค์การสหประชาชาติที่สหรัฐอเมริกา ทั้งพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ยังได้เป็นผู้กล่าวปราศรัยสุนทรพจน์ในที่ประชุมด้วย ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยดีขึ้นต่อสายตาต่างชาติ มุมมองทางด้านการลงทุนจากนักลงทุนทั้งหลายต่อท่าทีของภาวะทั่วไปของเศรษฐกิจไทยในด้านการผลิตและการอุตสาหกรรมนั้นแจ่มใสและชัดเจนมากขึ้น

ผลงานสำคัญชิ้นหนึ่ง ของพลเอกเปรม คือการผลักดันนโยบาย การเมืองนำการทหาร ซึ่งปรากฏออกมาในรูป คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 65/2525 เพื่อยุติการทำสงครามสู้รบ ระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย กับ ฝ่ายรัฐบาล ผลพวงจากนโยบายดังกล่าว ทำให้นักศึกษา ที่หนีเข้าป่าภายหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เพื่อจับอาวุธต่อสู้กับรัฐบาล มีโอกาสหวนมาเดินบนหนทางแห่งสันติภาพได้ นโยบายดังกล่าว ช่วยลด กระทั่งดับเชื้อไฟสงครามกลางเมืองในช่วงนั้นลง เพื่อให้รัฐบาลสามารถทุ่มเทกำลัง มาฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

ในช่วงปี 2524 การส่งออกของไทย โดยเฉพาะพืชผลเกษตรประสบปัญหา ขณะเดียวกัน มีปัญหาการขาดดุลการค้า การขาดดุลบัญชีเดินสะพัด และขาดดุลงบประมาณอย่างต่อเนื่อง เงินบาทของไทย ผูกติดกับดอลลาร์ของสหรัฐ ซึ่งแข็งตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การส่งออกของไทยได้รับผลกระทบ พลเอกเปรม ได้ตัดสินร่วมกับคณะรัฐมนตรีที่จะลดค่าเงินบาทถึงสามครั้ง โดยเฉพาะครั้งที่สาม ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2523 ซึ่งมีการปรับลดถึงร้อยละ 15 

นอกจากนั้น รัฐบาลพลเอกเปรมยังได้ปรับระบบอัตราแลกเปลี่ยนจาก อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ ระหว่างเงินบาทกับเงินดอลลาร์สหรัฐ มาเป็น ระบบตะกร้าเงิน ซึ่งทำให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น

โครงการสำคัญ เช่น การพัฒนาชายฝั่งทะเลตะวันออก การสร้างท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุด และ แหลมฉบัง ล้วนตัดสินดำเนินโครงการ ในช่วงรัฐบาลพลเอกเปรมทั้งสิ้น .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เครื่องบินภูเก็ตมุ่งหน้ามอสโก ขอลงจอดฉุกเฉินที่สุวรรณภูมิ

เที่ยวบิน 777-300ER สายการบิน Aeroflot ขึ้นจากภูเก็ตไปมอสโก เตรียมลงสุวรรณภูมิ หลังบินวนกลางทะเลอันดามันหลายชั่วโมง จากปัญหาระบบลงจอดขัดข้อง

ไข้หวัดใหญ่ระบาด

ไข้หวัดใหญ่ระบาดในสหรัฐ-เสียชีวิตแล้ว 13,000 ราย

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี รายงานว่า พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในฤดูกาลนี้อย่างน้อย 24 ล้านคนแล้วทั่วสหรัฐ

ตัดไฟเมียนมา

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันปลดพนักงานแล้วกว่าร้อยคน

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันออนไลน์และกลุ่มสแกมเมอร์ที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ปลดพนักงานแล้วกว่า 100 คน เนื่องจากขาดแคลนกระแสไฟฟ้า ทำให้พนักงานทยอยเดินทางออกจากท่าขี้เหล็ก กลับมาทางด่าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย อย่างต่อเนื่อง

ข่าวแนะนำ

เข้มทางบก แก๊งลักลอบเข้าเมือง หนีไปทางน้ำ

หลังมาตรการ Seal Stop Safe ชายแดนของรัฐบาล ซึ่งเริ่มตั้งแต่ 30 มกราคม เพื่อเข้มงวด ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดตามเส้นทางต่างๆ พบขบวนการลักลอบเข้าเมืองด้านชายแดนกาญจนบุรี ซึ่งฝั่งตรงข้ามคือ เมืองพญาตองซู ของเมียนมา เลี่ยงไปใช้เส้นทางน้ำแทน

ทองไทยใกล้เป้าหมายบาทละ 5 หมื่น

ทองไทยเข้าภาวะกระทิง เปลี่ยนแปลงคึกคักวันนี้ (11 ก.พ.) ปรับเปลี่ยน 27 รอบ เข้าใกล้ 48,000 บาทต่อบาททองคำ มองเป้าหมายถัดไปที่ 50,000 บาทต่อบาททองคำ ด้านสภาทองคำโลก ชี้การซื้อทองเป็นการลงทุนมากกว่าการใช้เป็นเครื่องประดับ ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นตลาดทองคำที่แข็งแกร่งในปี 67 สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก