กรุงเทพฯ 23 พ.ค. – หลังจากมีการนิรโทษกรรมผู้ครอบครองกัญชาไม่ต้องรับผิด หากใช้เพื่อการแพทย์ ทำให้มีคนริลองน้ำมันกัญชาและใช้เกินขนาด จนเกิดเป็นอุทาหรณ์ ซึ่งแพทย์ย้ำกัญชาไม่ใช่ยาครอบจักรวาล และไม่สามารถรักษาได้ทุกโรค ผู้ใช้ต้องระวังฤทธิ์ข้างเคียงของกัญชาด้วย
เรื่องราวของผู้ป่วยรายหนึ่งที่ทดลองใช้น้ำมันกัญชาหยดใต้ลิ้น หวังช่วยให้นอนหลับ แต่กลับไม่ได้ผลสมใจ เพราะใช้เกินขนาด ถูกถ่ายทอดผ่านเฟซบุ๊กของ นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียู โรงพยาบาลวิชัยยุทธ หวังเป็นอุทาหรณ์เตือนใจคนอยากใช้น้ำมันกัญชา ว่าอย่าใช้เกินขนาด โดยผู้ป่วยรายนี้ใช้มากถึง 40 หยด หรือเกือบ 2 มิลลิลิตร เพราะเพียงไม่กี่ชั่วโมง จากเที่ยงคืนถึงตี 3 เกิดอาการทั้งทางกายและจิต ประสาทหลอน ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว อาเจียน เวียนศีรษะ และเสียน้ำมาก
ขณะที่ นพ.มนูญ เผยแม้กัญชาไม่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต แต่เพียงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังประกาศนิรโทษกรรมกัญชา ประกอบกับโลกออนไลน์โหมกระพือ เปรียบกัญชาเป็นยาวิเศษ คนแห่ไปใช้ไปลอง ทำให้ตามห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลทั่วไป เริ่มพบผู้ป่วยได้รับผลกระทบจากฤทธิ์ของกัญชา 3-4 ราย อีกทั้งอันตรายจากน้ำมันกัญชาที่มีแบบคาดไม่ถึง ด้วยคุณลักษณะของน้ำมันที่เบากว่าน้ำ เมื่อหยดใต้ลิ้น ล้มตัวลงนอน อาจทำให้เกิดการสำลักน้ำมัน และเล็ดลอดลงปอดและหลอดลมได้ ดังนั้น หากใช้ควรใช้แต่ปริมาณน้อย ภายใต้การดูแลของแพทย์
สอดคล้องกับความคิดเห็นของกรมการแพทย์ ที่มุ่งอบรมแพทย์-เภสัชกร ในการสั่งจ่ายน้ำมันกัญชา ให้มีความเข้าใจในการใช้และสั่งจ่าย เป็นรุ่นที่ 2 แต่สำหรับประชาชนทั่วไป อยากให้ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ เพราะกัญชา ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบไหน ก็ยังเป็นยาเสพติดประเภท 5 มีฤทธิ์ทั้งกดประสาทและกระตุ้นประสาท ฉะนั้น อย่าหลงเชื่อข้อความส่งต่อตามระบบไลน์ เพราะกัญชาไม่ใช่ยาวิเศษรักษาได้ครอบจักรวาล รักษาได้จริงแค่ 4 โรคเท่านั้น
การพึ่งพาสารสกัดหรือน้ำมันกัญชา เพื่อคุณภาพชีวิตผู้ป่วย บรรเทาความปวด หรือลดทรมาน มีใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่หากมีวัตถุประสงค์เพื่อยับยั้งและรักษาโรค กัญชายังไม่ตอบโจทย์ทุกโรค เพราะไม่ใช่ยาวิเศษ. – สำนักข่าวไทย