นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG เปิดเผยว่า จากผลการสำรวจการตลาดผ่านแพลตฟอร์มฟุตบอลอีเอฟแอล (EFL) เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาช่วงฤดูกาล 2017-2018 พบว่าการรับรู้ต่อแบรนด์คาราบาวเพิ่มขั้น 106% จากปีก่อน (ปีก่อนหน้า 32% เพิ่ม 66% ในปีนี้) สอดคล้องกับรายงานภาพรวมทางการตลาดในต่างประเทศที่มีการเปิดประเทศใหม่ๆ ทั้งในภาคพื้น ยุโรป อเมริกา แอฟริกา ออสเตรเลีย และเอเชียเพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้จากตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น 45% และหากคิดเฉพาะรายได้จากเครื่องดื่มบำรุงกำลังต่างประเทศที่สูงถึง 52% รายได้รวมปี 2561 ของคาราบาวกรุ๊ป จึงได้ตัดสินใจเซ็นสัญญาเป็นผู้สนับสนุนหลักให้กับฟุตบอลลีกคัพของอังกฤษ หรืออีเอฟแอล (EFL CUP) ภายใต้ชื่อ “คาราบาว คัพ” อีก 2 ปีต่อเนื่อง (2021, 2022)
“ปัจจัยสำคัญอีกด้านหนึ่งในการสนับสนุนการขยายธุรกิจ คือการลงทุนรวมฐานการผลิตตามโครงการขยายกำลังผลิตเชิงบูรณาการแนวดิ่งบนพื้นที่กว่า 200 ไร่ในจังหวัดฉะเชิงเทราในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มกำไรระยะยาว ทำให้คาราบาวกรุ๊ปมีโรงงานผลิตขวดแก้ว (APG) โรงงานบรรจุสินค้าเครื่องดื่มชูกำลัง (CBD) และโรงงานผลิตกระป๋องอลูมิเนียม (ACM) ลดการพึ่งพิงการจัดหาจากบุคคลภายนอก ตลอดจนสามารถรับจ้างผลิตและจัดจำหน่ายให้กับลูกค้ารายอื่น เพื่อรองรับความเติบโตของตลาดภูมิภาคในอนาคต 2-3 ปีข้างหน้า รวมถึงกลยุทธ์การตลาดที่ชัดเจน ทั้งตลาดในและต่างประเทศทำให้แบรนด์คาราบาวแดง ได้รับการยอมรับและขยายฐานการรับรู้เพิ่มขึ้น” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คาราบาวกรุ๊ป กล่าว
โดยนายเสถียร ได้ย้ำว่าการใช้สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง ยังเป็นกลยุทธ์สำคัญที่สร้างการรับรู้ต่อแบรนด์คาราบาวแดงไม่เฉพาะตอกย้ำความเป็นแบรนด์ระดับเวิล์ดคลาสในประเทศเท่านั้น แต่ยังเปิดตลาดความต้องการในประเทศคู่ค้าใหม่ๆ ที่ต้องการนำเข้าสินค้าคาราบาวแดงไปวางจำหน่ายมากขึ้น เช่น ประเทศในอเมริกาใต้ เม็กซิโก อุรุกวัย กลุ่มแอฟริกาอย่าง กานา,ไนจีเรีย, จิบูตี ส่วนในยุโรปมีผลิตภัณฑ์คาราบาวแดงวางจำหน่ายแล้วใน 20 ประเทศ รวมไปถึงออสเตรเลียและเกาหลีใต้ที่ต้องการนำสินค้าคาราบาวแดงเข้าไปวางจำหน่าย โดยเฉพาะความเติบโตอย่างก้าวกระโดดของคาราบาวแบบกระป๋องไม่อัดก๊าซฯ (NON-CARBONATED) ในจีน ช่วยตอกย้ำกลยุทธ์ “อัลตร้า พรีเมียม” (Ultra Platinum) ที่เน้นการให้ความรู้ผลิตภัณฑ์ ณ จุดส่งเสริมการขาย เปิดประสบการณ์ให้ผู้บริโภคลองชิมโดยสาวบาวแดง ผ่านช่องทางจัดจำหน่ายในสถานีบริการน้ำมันซิโนเปค ที่มีประมาณ 20,000 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้มีสินค้าของคาราบาวแดงวางจำหน่ายแล้ว 15,000 สาขา ใน 5 มลฑลทางเหนือ ไล่มาตั้งแต่ เฮย์หลงเจียง ฮาร์บิน ปักกิ่ง เหอเป่ย์ และชานตง และตั้งเป้าจัดจำหน่ายครอบคลุมครบ 100% ของ 20,000 สาขาสถานีบริการน้ำมัน ซิโนเปคภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะเป็นการวางรากฐานการเติบโตของคาราบาวในประเทศจีน ส่วนตลาดเดิมในภูมิภาค อย่าง CLMV มีความเติบโตต่อเนื่องเป็น 67% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะประเทศกัมพูชามีสัดส่วนเติบโตที่ดี”
สำหรับตลาดในประเทศนั้น มีสัดส่วนเติบโตเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเกิดจากสภาพตลาดรวมเครื่องดื่มบำรุงกำลังมีการชะลอตัว ในขณะที่สินค้าที่คาราบาวแดงกรุ๊ปรับจ้างจัดจำหน่ายมียอดเติบโตเพิ่มขึ้น 27% เป็นผลมาจากความสามารถในการกระจายสินค้าได้ครอบคลุม 90% ของประเทศ ส่งผลให้ภาพรวมรายได้ทั้งหมด เป็น 14,463 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,558 ล้านบาท หรือเท่ากับร้อยละ 12.1 มีสัดส่วนรายได้ภายในประเทศ 55% และรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 45% และหากคิดเฉพาะรายได้จาการขายเครื่องดื่มบำรุงกำลังต่างประเทศทำได้ถึง 52% ซึ่งสูงกว่ารายได้จากการขายเครื่องดื่มบำรุงกำลังในประเทศที่มี 48%
โดยกลยุทธ์ทางการตลาดที่คาราบาวแดงจะเดินหน้ารุกต่อเนื่องยังคงใช้ สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง เป็นหัวหอกสำคัญ พร้อมจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เน้นสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์คาราบาวแดงในต่างประเทศ เปิดประสบการณ์ทดลองสินค้าผ่านสาวบาวแดง และเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย รวมถึงการเลือกสื่อสารผ่านช่องทาง Online ,Offline สร้างภาพจำ และช่องทาง Own Media สื่อแบรนด์ช่องทางหลัก เช่นพนักงานในเครือคาราบาวกรุ๊ปซัพพลายเออร์ โซเชียลมีเดีย ได้แก่ เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ไลน์แอด และยูทูบโดยเชื่อว่ากลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้คาราบาวกรุ๊ปใน 3 ปีข้างหน้า ขึ้นเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังภายในประเทศ และสร้างรายได้จากการส่งออกเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา