สนามหลวง 9 พ.ค.-ประชาชนและเกษตรกร เก็บเมล็ดพันธุ์ข้าวกลางท้องสนามหลวง หลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ โดยจะนำกลับไปหว่านในที่นาของตนเองและเก็บไว้เพื่อความเป็นสิริมงคล
ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ โดยมีนายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำหน้าที่พระยาแรกนา เทพีคู่หาบทอง ได้แก่ น.ส.กันยารัตน์ นาคกูล นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ น.ส.ดวงพร งามประดิษฐ์ นักทรัพยากรบุคคลปฏิบัติการ กรมวิชาการเกษตร, เทพีคู่หาบเงิน ได้แก่ น.ส.ณัฐชยา ศรีสุขสวัสดิ์ นักวิชาการปฏิรูปที่ดินชำนาญการ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม น.ส.อาทิตยา ทองแกมแก้ว นักวิชาการเกษตรชำนาญการ กรมส่งเสริมการเกษตร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานฝ่ายต่างๆเข้าร่วมในงานพระราชพิธีฯ
ทั้งนี้ งานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นพระราชพิธีที่สืบเนื่องมาแต่โบราณ มีความงดงามและมีความหมายอย่างยิ่งต่อพสกนิกรชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ในปีพุทธศักราช 2562 นี้ ปฏิทินหลวงกำหนดวันพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ซึ่งประกอบด้วยพระราชพิธี 2 พิธีรวมกัน คือพระราชพิธีพืชมงคล อันเป็นพิธีสงฆ์เป็นวันสวดมนต์เริ่มการพระราชพิธีพืชมงคล และถือเป็น “วันเกษตรกร” มีพิธีในวันพุธที่ 8 พฤษภาคม และพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ (วันไถหว่าน) อันเป็นพิธีพราหมณ์ จะประกอบพระราชพิธีในวันนี้ (9 พ.ค.) ฤกษ์ไถหว่านระหว่างเวลา 08.19-08.49 น. ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
ในงานพระราชพิธีฯ ยังมีการมอบรางวัลและยกย่องประกาศเกียรติคุณให้ แก่เกษตรกร สถาบันเกษตรกร สหกรณ์ดีเด่นประเภทต่างๆ และปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน ที่ผ่านการคัดเลือก พร้อมทั้งเผยแพร่ผลงานให้สาธารณชนทั่วไปได้รู้จัก และยึดถือเป็นแบบอย่างในแนวทางการปฏิบัติอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นพระราชพิธี เกษตรกรและประชาชนที่เดินทางมาร่วมงานเพื่อรอชมพระราชพิธี ต่างรีบวิ่งเข้าไปเก็บเมล็ดข้าว เปลือก รวมถึงต้นกล้าที่พระยาแรกนาขวัญหว่านไถ ในบริเวณลานแรกนา เพื่อความเป็นสิริมงคลในการประกอบอาชีพ โดยส่วนใหญ่ตั้งใจที่จะนำเมล็ดพันธุ์ข้าวไปใส่ในไร่นาของตนเองเนื่องจากพระราชพิธีนี้มีความ สำคัญต่อขวัญและกำลังใจแก่ผู้มีอาชีพเกษตรกร ส่วนประชาชนบางคน ที่แย่งเก็บข้าวไม่ทัน ก็เก็บต้นไม้ของ กทม.ทั้งไม้ดอกไม้ประดับ เพื่อความเป็นสิริมงคล
นางเสนาะ เรืองรัตนะภัย อายุ 72 ปี กล่าวว่า เดินทางมาจาก บางบัวทอง จ.นนทบุรี ออกจากบ้านมาตั้งแต่ตี 5 เพื่อจะได้เข้ามาอยู่ในพื้นที่สนามหลวง แม้ตนเองไม่ได้มีอาชีพทำนา หรือทำการเกษตรแต่ก็ตั้งใจอย่างมากที่จะมาเก็บเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทานเพราะตลอด3 ปีที่ผ่านมา ที่เข้ามาเก็บแล้วนำเมล็ดไปบูชา รู้สึกว่าทำให้ชีวิตดีขึ้น สุขภาพร่างกายแข็งแรง และปีที่ผ่านมาหลังจากมาเก็บตนเองก็ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลด้วย ปีนี้จึงตั้งใจมาอีก โดยวันนี้นอกจากเมล็ดข้าวที่ได้แล้วยังได้ต้นดาวเรืองภายในงานกลับไปด้วย ส่วนตัวตั้งใจจะนำไปปลูกในพื้นที่บ้านเพื่อความเป็นสิริมงคล และบางส่วนก็จะนำไปแจกลูกหลานด้วย
ด้านนางแสงจันทร์ สิงหาวงษ์ 46 ปี ชาวลาวที่มาอยู่ไทยตั้งแต่ 9 ขวบ และแต่งงานอยู่กินกับสามีชาวไทย เล่าว่า ตนเองรักประเทศไทยมากและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยอย่างมาก แม้ตอนนี้ตนเองจะยังต้องใช้ไม้เท้าในการพยุงการเดินเพราะประสบอุบัติเหตุรถชน แต่ในช่วงงานพระราชพิธี วันที่ 5 และ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมาก็มาเฝ้ารับเสด็จทั้ง 2 วัน วันนี้ก็ตั้งใจจะมาชื่นชมพระบารมีอีกครั้ง สำหรับงานพืชมงคลปีนี้มาเป็นครั้งที่ 5 เมล็ดพันธุ์ข้าวที่ได้ส่วนหนึ่งจะนำไปบูชาเพราะถือเป็นสิ่งมงคลสำหรับชีวิตเกษตรกรและอีกส่วนจะนำไปจะเอาไปปลูกในที่นา ใน จ.ศรีษะเกษ เชื่อว่าจะทำให้ผลผลิตงอกงามดี ส่วนต้นดอกดาวเรืองก็จะนำไปปลูกในบริเวณบ้านเพื่อครามเป็นสิริมงคลเช่นกัน
ส่วนนางกิตติมา มัญญะหงษ์ ที่มาพร้อมกับบุตรชาย ด.ช.ภาคินทร์ นั่งรถประจำทางมาจาก จ.ราชบุรี ตั้งแต่เช้าเพื่อมาร่วมงานเช่นกัน นางกิตติมา เล่าว่า ปีนี้เป็นปีแรกที่มา หลังจากทำได้เพียงติดตามทางการถ่ายทอดสดมาหลายปี ครั้งนี้สืบเนื่องมาจากที่ช่วงงานพระราชพิธีก็ได้พาพ่อแม่ และครอบครัวมารับร่วมรับเสด็จใช่วง 4-6 พฤษภาคมที่ผ่านมา จึงอยากมาเข้าเฝ้าเพื่อชื่นชมพระบารมีอีกครั้ง ส่วนตัวประกอบอาชีพรับราชการ และไม่ได้ทำเกษตรกร แต่ที่ตัดสินใจมาเพราะอยากมาซึมซับบรรยากาศที่เป็นมงคล และอยากให้ลูกชายที่จะเติบโตเป็นคนรุ่นใหม่มาเรียนรู้ ซึมซับบรรยากาศสถานที่จริง ให้เรียนรู้ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ที่คนไทยรักและเคารพเป็นอย่างไร รวมถึงถึงกว่าได้มาของข้าวที่กินชาวนาต้องลำบากอย่างไร สำหรับเมล็ดข้าวที่ได้นอกจากจะเก็บไว้บูชาแล้ว ก็จะนำไปแจกจ่ายญาติพี่น้องที่ทำนาด้วย เชื่อว่าสิ่งของมงคลที่นำมาให้จะช่วยให้มีชีวิตความเป็นอยู่ และผลผลิตที่ปลูกเจริญงอกงามดียิ่งขึ้น.-สำนักข่าวไทย