วอนสังคมให้โอกาสผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับปล่อยตัว

กทม. 4 พ.ค.-อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ปล่อยตัว และลดโทษ ซึ่งมีการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตัวเพื่อกลับคืนสู่สังคม มีอาชีพเลี้ยงตัวเอง และไม่กระทำผิดซ้ำ


พันตำรวจเอกณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าหลังจากมีพระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2562 เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ทั่วประเทศ ที่มีความประพฤติดี ให้ได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษและปล่อยตัว เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับตนเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้ 4 พฤษภาคมเป็นต้นไป โดยระบุให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน นับแต่พระราชกฤษฎีกามีผลบังคับ


สำหรับครั้งนี้จะมีผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ จำนวน 2 กลุ่ม ซึ่งได้แก่ กลุ่มผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัว คือ ผู้ต้องกักขัง ผู้ทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ ผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ และผู้ต้องราชทัณฑ์ที่เหลือโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี รวมถึงผู้พิการ ผู้ที่เป็นโรคร้ายแรง และชราภาพ เป็นต้น


และอีกกลุ่ม คือ กลุ่มผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษ ได้แก่ ผู้ต้องราชทัณฑ์นอกเหนือจากกลุ่มแรก โดยจะได้การลดโทษในอัตราส่วนมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับชั้นและฐานความผิด 

อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ระบุว่าในระหว่างที่ผู้ต้องราชทัณฑ์ถูกควบคุมตัวนั้น กรมราชทัณฑ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และเอกชน  องค์กรต่างๆ ได้ร่วมกันเตรียมความพร้อม ก่อนปล่อยผู้ต้องราชทัณฑ์ ทั้งการให้การศึกษา อบรมพัฒนาจิตใจ การฝึกทักษะอาชีพ และการแนะแนวการประกอบอาชีพ อีกทั้ง ยังได้ร่วมกับเครือข่ายภาคสังคม ติดตามดูแล และช่วยเหลือผู้พ้นโทษ โดยหวังว่าสังคม ตลอดจนผู้ประกอบการหรือห้างร้านบริษัทต่างๆ จะให้โอกาสผู้พ้นโทษเข้าทำงาน ร่วมให้กำลังใจ และเปิดใจยอมรับผู้ก้าวพลาด ให้ได้กลับตัวเป็นคนดีของสังคมอีกครั้งหนึ่ง เพื่อไม่ให้หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำอีก.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย