“ปิยบุตร” แถลงขอใช้สิทธิ์ดำเนินคดีกับ กกต.

พรรคอนาคตใหม่ 30 เม.ย.-“ปิยบุตร” แถลงขอใช้สิทธิ์ดำเนินคดีกับ กกต. หากใช้สูตร 27 พรรค คำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ทำพรรค ส.ส. ลด 7-8 คน

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคพรรคอนาคตใหม่ แถลงถึงสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ดูเหมือนว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะใช้สูตร 27 พรรค จะทำให้พรรคอนาคตใหม่มี ส.ส. ลดลง 7-8 คน และคะแนนหายไปกว่า 6 แสนคะแนน ทั้งที่การคำนวณมีแค่สูตรเดียว โดยยึดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 (1) (2) และ(4) ซึ่งหากใช้สูตรตามนี้ พรรคอนาคตใหม่จะมี ส.ส.ประมาณ 88 คน โดยยึดคะแนน 71,051 คะแนน เป็นตัวตั้ง ก็จะได้ ส.ส.พึงมี

นายปิยบุตร กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ หากอ้างว่าทุกคะแนนมีค่า แล้วคะแนนที่หายไปกว่า 6 แสนคะแนน ไม่มีความหมายใช่หรือไม่ จึงขอให้ กกต.ยึดหลักคำนวณตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะฝ่ายเสียหาย ขอสงวนสิทธิ์ในการจะดำเนินคดีกับ กกต. ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 69 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยกกต. ที่กำหนดถึงการละเว้นของ กกต. มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี และยังถือเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง สามารถร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาลฎีกาแผนดคีดอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง  เพราะ กกต.ต้องรับผิดชอบ หากยังยืนยันจะใช้สูตร 27 พรรค และจากการที่ กกต.ออกมายืนยันว่าสามารถเปิดเผยคะแนนดิบรายหน่วยได้ทุกจังหวัด หากมีข้อสงสัย ให้ไปขอผลคะแนนได้ แต่ทางพรรคได้ไปขอมาแล้ว บางที่ขอได้ บางที่ล่าช้า บางที่ขอไม่ได้ และเพื่อให้เกิดมาตรฐานเดียวกัน ขอเรียกร้องให้ กกต. ทำคำสั่งไปยังจังหวัดต่าง ๆ ให้เปิดเผยคะแนนดิบรายหน่วยให้หมด ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้สมัคร ส.ส. และเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ยุติธรรมของ กกต. ด้วย ในเมื่อไม่มีความลับต่อกัน

นายปิยบุตร ยังกล่าวถึงกรณีการถือหุ้นสื่อของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่อยู่ในการพิจารณาของ กกต. ว่า วันนี้ (30 เม.ย.) ได้นำหลักฐานเข้าไปชี้แจง 1 ลังใหญ่ แต่ที่ผ่านมา การพิจารณาของ กกต.ดูเร่งรีบ แตกต่างจากคดีอื่น เช่น กรณีโต๊ะจีนที่ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่ประเด็นของนายธนาธร ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา หลังการเลือกตั้งผ่านไปแล้ว ตามรัฐธรรมนูญ กกต. ไม่มีอำนาจตรวจสอบคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามในช่วงเวลานี้ เพราะการจะตรวจสอบคุณสมบัติต้องตรวจสอบให้แล้วเสร็จก่อนการเลือกตั้ง 1 วัน คือ วันที่ 23 มีนาคม 2562

“ดังนั้น เวลานี้เป็นช่วงเวลารอการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง  95% ซึ่งในระหว่างนี้ หากไปเจอผู้สมัครคนใดขาดคุณสมบัติ จะสามารถตรวสอบได้เฉพาะ ส.ส.เขตเท่านั้น  ไม่สามารถตรวจสอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ เพราะกฎหมายเขียนไว้ชัดเจนต้องตรวจสอบให้แล้วเสร็จก่อนวันเลือกตั้งเท่านั้น ทั้งนี้ หากจะตรวจสอบ ต้องรอหลังประกาศผลรับรองก่อน หากตรวจสอบเจอ ก็นำเรื่องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา เช่นเดียวกับการแจกใบส้ม ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะต้องเกี่ยวข้องกับการทุจริต ไม่เกี่ยวกับขาดคุณสมบัติ จึงทำให้ กกต.เข้าข่ายจงใจใช้อำนาจขัดรัฐธรรมนูญได้” นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร ยังกล่าวถึงการเปิดเผยคะแนนดิบรายหน่วย ตามที่พรรคเคยส่งตัวแทนไปยื่นหนังสือต่อ กกต.ขอให้เปิดเผย แต่รองเลขาธิการ กกต. ได้แถลงข่าวโดยสรุปว่าคะแนนดิบไม่ได้เป็นความลับ อยู่ที่ กกต.จังหวัด ใครอยากได้ให้ไปขอ ซึ่ง 1 เดือนหลังการเลือกตั้ง ผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ได้ไปขอคะแนนดิบแล้วในทุกเขต แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้  ส่วนที่ได้ก็มีปัญหา เช่น จ.นครปฐม เขต 1 จน กกต.สั่งให้นับคะแนนใหม่ จ.กรุงเทพมหานคร เขต 2 ได้คะแนนรายหน่วยมา ก็พบข้อพิรุธข้อบกพร่อง ในแบบฟอร์มขีดคะแนน และใบผลคะแนนรายหน่วย เมื่อนำมาเปรียบเทียบ ก็พบคะแนนทั้งสองส่วนไม่ตรงกัน ทั้งหมดนี้ สะท้อนว่ามีความผิดพลาดบกพร่องในการนับคะแนน จึงต้องทราบคะแนนรายหน่วยทั้งหมด ถ้าร้ายแรงมาก จะได้ขอให้นับใหม่ เลือกตั้งใหม่ หากไม่ได้คะแนนรายหน่วย จะทำการตรวจสอบไม่ได้

“การตอบเช่นนี้ กกต.ต้องสั่งไปยัง กกต.จังหวัดทั้งหมด ให้เปิดเผยข้อมูลรายหน่วยทั้งหมด เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และอำนวยความสะดวกแก่ผู้สมัคร ส.ส. ก็ขอให้เปิดคะแนนดิบให้หมด เพราะถือว่ารองเลขาธิการฯ พูดแล้วว่า ไม่เป็นความลับ ก็ไม่มีเหตุต้องปิด ต่อให้ไม่ขอ ก็ต้องเปิดมาเลย หาก กกต.มั่นใจว่าจัดเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรม ก็จะเป็นเกราะป้องกันให้ กกต.เอง แต่หากทำลับ ๆ ล่อ ๆ จะทำให้สังคมเคลือบแคลงสงสัย” นายปิยบุตร กล่าว.-สำนักข่าวไทย