จิตแพทย์ห่วง คนไทยพึ่งสมองกล เสี่ยง “สมองเป็นสนิม”

รพ.จิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ 28 เม.ย..-จิตแพทย์ห่วงความไฮเทคยุค 5 จี  คนไทยพึ่งสมองกล  เสี่ยง “สมองเป็นสนิม” ไม่รู้ตัว   เพราะใช้งานน้อยลง     ขณะนี้พบผู้สูงวัยสมองเสื่อมกว่า 8 แสนคน ส่วนใหญ่รักษาไม่หายขาด    


นายแพทย์กิตต์กวี  โพธิ์โน  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ จ.นครราชสีมาเปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2562นี้  รพ.จิตเวชนครราชสีมา ฯ ได้จัดโครงการพัฒนาระบบมาตรฐานการจัดบริการดูแลผู้สูงอายุในชุมชน หมู่บ้าน ที่ป่วยด้วยโรคสมองเสื่อมและมีปัญหาด้านพฤติกรรมและจิตใจร่วมด้วย ในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 9  ประกอบด้วย 4 จังหวัดได้แก่  นครราชสีมา ชัยภูมิ  บุรีรัมย์ และสุรินทร์  ซึ่งปัญหาด้านพฤติกรรมและจิตใจนี้เป็นอาการที่เกิดตามมาหลังจากป่วยโรคสมองเสื่อมพบได้สูงถึงร้อยละ 90  ของผู้ป่วย ไม่ใช่โรคแสร้งทำของผู้ป่วย  และอาจสร้างความเครียดให้ญาติ ครอบครัวได้  จึงต้องให้การดูแลผู้ป่วยอย่างเข้าใจ  ทั้งนี้เพื่อป้องกันปัญหาผู้ป่วยกลุ่มนี้ถูกทารุณกรรม หรือถูกทอดทิ้งจากความไม่เข้าใจอาการจากการเจ็บป่วย    โดยจะนำร่องในพื้นที่ 2 อำเภอในจ.สุรินทร์ก่อน ได้แก่ อ.เมือง  และอ.สีขรภูมิ  เพื่อใช้เป็นต้นแบบก่อนขยายผลครอบคลุมทุกพื้นที่ในเขตสุขภาพที่ 9 ในปีหน้านี้   


นายแพทย์กิตต์กวีกล่าวว่า  ปัญหาโรคสมองเสื่อม ( dementia)  เป็นภัยเงียบทางกายที่มาพร้อมกับการเป็นสังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย  จากผลสำรวจครั้งล่าสุด พบผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป มีภาวะสมองเสื่อมคือสูญเสียความสามารถในการจำ การคิด สติปัญญา อารมณ์ มีพฤติกรรมและบุคลิกภาพเปลี่ยนไป จนไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวัน ทำงานหรือเข้าสังคมได้ พบได้ร้อยละ 8.1  พบในผู้ชายร้อยละ 6.8  ผู้หญิงร้อยละ 9.2 ยิ่งอายุมากยิ่งพบมาก เฉพาะในเขตสุขภาพที่ 9 คาดว่าจะมีผู้สูงอายุสมองเสื่อมประมาณ 89,000 คน จากผู้สูงอายุที่มี 1.1 ล้านกว่าคน  ส่วนภาพรวมทั่วประเทศคาดว่าจะมีกว่า 800,000  คนจากผู้สูงอายุในปี 2561 ที่มี 10.6 ล้านกว่าคน  โดยมีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดโรค และไม่มียารักษาให้หายขาด มีเพียงยาชะลอไม่ให้เสื่อมเพิ่ม  อันดับ 1 กว่าร้อยละ 80 เกิดจากโรคอัลไซเมอร์  รองลงมาเกิดจากโรคหลอดเลือดในสมอง ทำให้เนื้อสมองตาย  ส่วนใหญ่จะเสียชีวิตหลังป่วยประมาณ 8  ปี 

“ สมองเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย      ประกอบด้วยเซลล์ประสาทมากกว่า 1,000  ล้านเซลล์      ทำงานตลอดเวลาทั้งการควบคุมความคิด ความจำ  การตัดสินใจ การเคลื่อนไหว  ควบคุมการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ กำกับการเต้นของหัวใจ การหายใจ การย่อยอาหาร การพักผ่อน  ปกติเซลล์สมองจะมีโอกาสเสื่อมลงเมื่อเราอายุ 40 ปีขึ้นไป แต่ปัจจุบันมีงานวิจัยพบว่าเซลล์ประสาทจะถูกผลิตสร้างขึ้นมาใหม่เรื่อยๆตลอดเวลาไม่มีหยุด ตราบใดที่มีการฝึกการใช้สมองบ่อยๆ ในทางตรงกันข้ามหากสมองไม่ถูกใช้งาน  เซลล์ประสาทจะเสื่อมสลายและตายไปที่สุด  จึงมีความเป็นห่วงการใช้ชีวิตในยุคที่เทคโนโลยีด้านการสื่อสารเจริญก้าวหน้าและใช้ประโยชน์หลายสิ่งในชิ้นเดียว  โดยเฉพาะในยุค 5 จี  มีการใช้ระบบจีพีเอส  ช่วยนำทาง การใช้เครื่องคิดเลข การบันทึกเบอร์โทรศัพท์ในมือถือเป็นต้น    การใช้เทคโนโลยีเหล่านี้บ่อยๆ อาจทำให้การใช้สมองเพื่อคิด จดจำ ตัดสินใจน้อยลงเรื่อยๆ และเกิดสภาวะที่เรียกว่า  สมองเป็นสนิมอย่างไม่รู้ตัวได้ ซึ่งจะมีความเสี่ยงเกิดภาวะสมองเสื่อมเร็วขึ้น   ประชาชนจึงต้องใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอย่างถูกต้อง  และต้องไม่ลืมฝึกให้สมองแข็งแรงอยู่เสมอ”  นายแพทย์กิตต์กวีกล่าว    


ด้านแพทย์หญิงอัญชลี ศิริเทพทวี  รองผู้อำนวยการด้านการแพทย์และประธานคณะอนุกรรมการพัฒนามาตรฐานการบริการผู้สูงอายุของรพ.จิตเวชนครราชสีมาฯ กล่าวว่า   ประชาชนทุกวัยต้องเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ทำตั้งแต่ตอนนี้  คือ 1.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควรออกกำลังกายแบบแอโรบิค คือมีการเคลื่อนไหวต่อเนื่องกันตั้งแต่ 15 นาทีขึ้นไปต่อครั้งอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์  เช่นวิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เดินเร็ว  จะให้ผลทำให้การไหลเวียนเลือดดี กระตุ้นการสร้างเซลล์สมอง และปรับสมดุลย์ของสารเคมีในสมอง  ช่วยสลายความเครียดไปในตัว ทำให้อารมณ์แจ่มใส 2. ฝึกลับคมสมอง  ฝึกกิจกรรมที่ต้องใช้ความคิด   เช่น  การคิดเลข บวก ลบ คูณ หาร ที่ไม่ใช่เลขจำนวนมากๆ เช่น คิดค่ากับข้าว  ซื้อของใช้ อาจคิดในใจ คิดในกระดาษ ควรพึ่งเครื่องสมองกลเท่าที่จำเป็น   ฝึกการจำเพลงไม่ต้องดูเนื้อ ท่องสูตรคูณ   วาดรูป  สวดมนต์   เล่นเกมต่างๆ  เช่น เกมจับคู่สิ่งของที่มีความสัมพันธ์กันเช่น จานกับช้อน   กระดาษกับดินสอปากกา / เกมจับผิดภาพที่เหมือนกัน จะทำให้ผู้ที่ดูใช้สมองในการพิจารณาหาความแตกต่างของภาพให้ได้   ซึ่งได้ทั้งความสนุกและความภูมิใจ   สามารถเล่นคนเดียวและเป็นกลุ่มได้   ส่วนวัยเด็กและวัยรุ่นเกมที่ใช้เล่นฝึกกระตุ้นสมองได้ดีเช่น เกมสะกดคำ  เกมตัวต่อภาพJigsaw เกมไขว้คำศัพท์ (Crossword) เป็นต้น   และยังมีเกมโซโดกุ ซึ่งจะเป็นตัวเลข  การเล่นเกมประเภทกระตุ้นสมองทุกวัน จะเป็นการออกกำลังกายสมอง  กระตุ้นเซลล์ประสาทในสมองทำงานได้ดี และมีการสร้างเซลล์ขึ้นมาใหม่    3. ฝึกทำกิจกรรมใหม่ๆที่ไม่เคยทำ เช่น ใช้มือข้างไม่ถนัดจับช้อนทานข้าว จับปากกา   หรือจับแปรงสีฟัน  เปลี่ยนเส้นทางการเดินทาง   4. กรณีที่เป็นผู้สูงอายุ   ควรเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม  ไม่ควรอยู่ที่บ้านคนเดียว     การได้สังสรรค์กับผู้อื่น  จะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองได้ดีขึ้น  .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง