สุรินทร์ 22 เม.ย.-สาวไทยไปทำงานร้านนวดที่โปรตุเกสถูกฆ่าหั่นศพ พบศีรษะในถุงพลาสติกยัดใส่กระเป๋านำมาทิ้งบริเวณชายหาด ครอบครัววอนช่วยเหลือส่งกระดูกกลับมาทำบุญที่บ้านเกิด จ.สุรินทร์ ขณะที่ตำรวจรวบหญิงไทยที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัย คาดทะเลาะเรื่องเงินจำนวน 10,000 ยูโร
จากกรณีสื่อนอกตีข่าวหมอนวดไทยถูกฆ่าหั่นศพที่ประเทศโปรตุเกส ทิ้งหัวที่ชายหาด โดยเพจชมรมหมอนวดดี มีจรรยาบรรณ ไม่ทำแอบแฝง โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า หมอนวดไทยถูกฆ่าหั่นศพที่ประเทศโปรตุเกส และที่น่าเศร้าใจ..คือ..เธอตายเพราะคนไทย ที่บินข้ามน้ำข้ามฟ้าไปทำงานด้วยกัน ข่าวหน้าหนึ่งในประเทศโปรตุเกสรายงานว่า ฆาตกร ตามบัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “Sangam Sawaiprkhon” ได้ฆ่าผู้ตาย ซึ่งใช้ชื่อตามเฟซบุ๊กว่า “Natchaya Saranyaphat” เพราะทะเลาะกันเรื่องเงินจำนวน 10,000 ยูโร ที่นำมาลงทุนทำร้านนวด..(ตามคำให้การรับสารภาพกับตำรวจ) ผู้ตายเสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 มี.ค.62 พบชิ้นส่วนเฉพาะส่วนศีรษะที่ชายหาด..ที่เหลือยังไม่พบ
***ฝากถึงคนไทยทุกคนด้วยนะคะ ไปทำงานอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ขอให้รักใคร่กลมเกลียวกัน มีอะไรผิดใจกันหากคุยกันไม่ได้ก็ต่างคนต่างอยู่ อย่าถึงกับเข่นฆ่ากันเลย***
ทั้งนี้ สำนักข่าว cmjornal.pt ของประเทศโปรตุเกส รายงานว่า ได้พบศพผู้หญิงชาวไทย ซึ่งมีอาชีพเป็นหมอนวดบริเวณชายหาด Leça da Palmeira เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยสุนัขที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวได้คาบถุงพลาสติกที่อยู่ในกระเป๋าที่ถูกนำมาทิ้งไว้ ก่อนที่จะมีคนมาพบว่ามีศีรษะของคนอยู่ในถุงพลาสติกดังกล่าว อย่างไรก็ตาม คดีสะเทือนขวัญนี้ได้ขึ้นพาดหัวข่าวหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นประเทศโปรตุเกส
ล่าสุดวันที่ 21 เมษายน 2562 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 29 หมู่ 3 บ.ตะคร้อ ต.ช่างปี่ อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้านของผู้ที่ถูกฆาตกรรมในครั้งนี้ ทราบชื่อผู้ตายคือ นางนัชยา เจนจบ อายุ 41 ปี โดยที่บ้านเกิดบรรยากาศเป็นไปอย่างเศร้าโศกเสียใจของบรรดาญาติๆ หลังทราบข่าว และที่สะเทือนใจไปกว่านั้น ผู้เป็นพ่อคือ นายเมียด เจนจบ อายุ 86 ปี ป่วยติดเตียงมานาน หลังทราบข่าวลูกสาว อาการได้ทรุดลงและเสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา ในขณะที่นางเสย เจนจบ อายุ 76 ปี ผู้เป็นแม่ ซึ่งป่วยอีกคน ก็เสียใจเป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่พูดถึงลูกสาวที่เสียชีวิตก็ได้แต่ร้องไห้ เนื่องจากลูกสาวเป็นคนดี และหาเงินมาจุนเจือครอบครัวทุกครั้ง โดยเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศเป็นเวลา 2 ปีแล้ว
นางสมหวัง ใจงาม อายุ 46 ปี พี่สาวของนางนัชยา ผู้เสียชีวิต เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ทราบข่าวจากทางด้าน อบต. แจ้งมาว่าทางสถานทูตได้โทรมาบอกว่าน้องสาวเสียชีวิต ทันทีที่ทราบข่าว พ่อซึ่งป่วยอยู่แล้วถึงกับเป็นลม เนื่องจากทราบข่าวกะทันหัน ต้องช่วยกันปฐมพยาบาล ส่วนแม่ที่ป่วยอยู่ก็ได้แต่ร้องไห้ ทุกคนร้องไห้กันหมด จนชาวบ้านต่างมาสอบถามว่าเป็นอะไร พอรู้ข่าวก็ร้องไห้กันระงม เพราะสงสาร เนื่องจากผู้ตายเป็นคนดีมาก พี่น้องรักทุกคน น้องสาวไปทำงานต่างประเทศได้ประมาณ 2 ปี และไม่เคยกลับมาบ้าน น้องสาวมีลูก 1 คน กับสามีเก่า อยู่ที่ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งลูกทราบเรื่องแล้ว ที่ผ่านมามีเพียงการโทรศัพท์พูดคุยกัน แม้น้องสาวจะไม่เคยกลับมาบ้าน แต่ก็ส่งเงินมาช่วยเหลือทางบ้านเป็นประจำ เพื่อช่วยสร้างบ้านให้กับพ่อแม่ และบอกว่าจะเก็บเงินสักก้อนมาสร้างบ้านให้เสร็จ ถือว่าน้องเป็นเสาหลักให้กับครอบครัว พ่อที่ไม่สบาย น้องสาวก็ส่งเงินมาเป็นค่ารักษาประจำ ครั้งสุดท้ายได้คุยกันเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2561 โดยผู้ตายได้ฝากให้ดูแลพ่อกับแม่ให้ดี และให้ทำบุญถวายผ้าไตรในงานบุญให้ด้วย โดยจะส่งเงินมาให้เป็นค่าใช้จ่าย จากนั้นวันวันที่ 28 ธันวาคม ตนได้ไปเบิกเงินที่น้องส่งมาให้ทำบุญและจัดการตามที่น้องบอกไว้ทุกอย่าง จากนั้นได้โทรหาน้องอีกครั้งเพื่อบอกให้ทราบ แต่ไม่สามารถติดต่อได้เลย จนมาทราบข่าวว่าน้องสาวเสียชีวิต
สำหรับเรื่องศพ ทางสถานทูตจะประสานมาทางกำนันให้ทราบอีกครั้ง ทางญาติบอกว่าอยากจะได้ศพน้องมาทำบุญ แต่มีค่าใช่จ่ายมาก ซึ่งครอบครัวก็หาเช้ากินค่ำ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากได้กระดูกของน้องสาวมาทำบุญที่บ้าน หากใครมีจิตศรัทธาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยากให้ช่วยเหลือส่งกระดูกน้องสาวมาทำบุญที่บ้าน ครอบครัวมีพี่น้องทั้งหมด 5 คน คนตายเป็นคนสุดท้อง โดยน้องสาวเพิ่งไปทำงานต่างประเทศเป็นครั้งแรก ซึ่งทางสถานทูตแจ้งมาเพียงว่าน้องสาวถูกฆาตกรรม รายละเอียดยังไม่ทราบ โดยจะโทรมาแจ้งทางกำนัน โดยทางสถานทูตให้รอก่อน เนื่องจากยังหาชิ้นส่วนศพไม่ครบ
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 20 เมษายน เพจชมรมหมอนวดดี มีจรรยาบรรณ ไม่ทำแอบแฝง ได้โพสต์ข้อความและภาพ ระบุว่า นี่คือบทสนทนากับเพื่อนชาวโปรตุเกสที่รู้จักกับผู้ตายและครอบครัว.. เหลืออยู่สิ่งเดียวที่แอดมินยังค้างคา..คือที่เขาบอกว่า..ตำรวจไทยรู้ตัวผู้ร้าย (สามีของสงาม) แต่ไม่สามารถส่งตัวผู้ร้ายไปรับโทษที่โปรตุเกสได้ เพราะเขาเป็นพลเมืองไทย (Thai Citizen) แต่เท่าที่แอดมินตามอ่านคอมเมนต์ของลูกเพจหลายเสียงพูดว่า สามีสงามเป็นชาวปากีสถาน..#เหลือแค่ข้อเดียวเนี่ย ที่ยังคงคลุมเครือ.-สำนักข่าวไทย