เด็กแว้นแข่งซิ่งชน จยย.สาวประเภทสองดับ-ประจวบฯ รถทัวร์คว่ำเจ็บ 22 ราย

ภูมิภาค 21 เม.ย.- เมื่อคืนที่ผ่านมา มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นหลายราย โดยที่ จ.เพชรบุรี เด็กแว้นเฉี่ยวชนจักรยานยนต์สาวประเภทสองดับ ส่วนที่ จ.นครปฐม ผู้ใหญ่บ้านขับเก๋งชนเกาะกลางเสียชีวิต ขณะที่ จ.ชลบุรี สาวท้องถูกหนุ่มควบจักรยานยนต์ชนบาดเจ็บ และที่ประจวบคีรีขันธ์ รถทัวร์เสียหลักตกร่องกลางถนนชนต้นไม้ บาดเจ็บ 22 คน 


ตำรวจ สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เข้าตรวจสอบอุบัติเหตุบนถนนเพชรเกษมขาเข้ากรุงเทพฯ บริเวณหน้าค่ายนเรศวร อ.ชะอำ พบร่างนายสันติ มิตรดี อายุ 48 ปี นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่ที่เลนขวาสุดติดกับเกาะกลางถนน สภาพศพมีเลือดออกที่ศีรษะจำนวนมาก จึงส่งศพไปตรวจพิสูจน์ที่ รพ.ชะอำ ใกล้กันยังพบรถจักรยานยนต์สีบรอนซ์ดำ ทะเบียนเพชรบุรี สภาพรถมีรอยถูกเฉี่ยวชน พังเสียหายยับเยิน ถัดมาอีก 15 เมตร พบรถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สภาพหน้ารถพังเสียหายยับเยินเช่นกัน ผู้ได้รับบาดเจ็บคาดว่าถูกนำตัวส่งไปรักษาที่โรงบาลหัวหิน


ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงมีการแข่งรถจักยานยนต์หลายคัน จากนั้นก็ได้ยิงเสียงดังเหมือนรถเฉี่ยวชนกันจนล้ม จึงออกมาดู พบว่ามีคนนอนอยู่กลางถนน 1 ราย ขณะที่กลุ่มวัยรุ่นคู่กรณีที่ขับขี่รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชน ซึ่งได้รับบาดเจ็บ มีเพื่อนที่แข่งรถมาด้วยกันเข้ามาช่วยนำตัวและรถจักรยานยนต์หลบหนีไป ส่วนรถคันที่พังเสียหายไม่สามารถนำไปได้ ก็จอดทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตรวจสอบไปที่โรงพยาบาลหัวหิน พบนายวัชระ สมิงทอง อายุ 17 ปี เข้าไปรับการรักษาตัวโดยมีบาดแผลถลอกตามร่างกาย และสารภาพว่า เกิดเหตุเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตจริง


เกิดอุบัติเหตุนายกิติภูมิ ลิ้มต่อสกุล อายุ 48 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 ต.ดอนตูม  อ.ดอนตูม จ.นครปฐม ขับรถเก๋งสีเทา ทะเบียนกรุงเทพฯ เสียหลักพุ่งชนเกาะกลางถนน และอัดกระแทกเข้ากับเสาไฟส่องสว่างบนถนนสายดอนตูม-หนองปลาไหล เยื้องกับทางเข้าวัดลำเหย ร่างติดอยู่ภายในรถ ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนผู้โดยสารที่ติดอยู่ในรถด้วยอีกคน คือ นายวรณุ ทองเถื่อน อายุ 30 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่เร่งเข้าช่วยเหลือก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลดอนตูม

ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า รถคันเกิดเหตุวิ่งมาด้วยความเร็ว ก่อนจะพุ่งชนเกาะกลางถนนและชนกับเสาไฟส่องสว่าง ทำให้โคมไฟหลุดลงมากองที่พื้นถนน ส่วนสาเหตุคาดน่าจะมองไม่เห็นเกาะกลางถนน เนื่องจากไฟส่องสว่างดับมาหลายวันแล้ว รถที่ไม่ทันระวังอาจจะเสียหลักชนเกาะกลางถนนได้ สำหรับสาเหตุที่แท้จริง ต้องรอการตรวจพิสูจน์อีกครั้งว่าเกิดจากการมองไม่เห็นเกาะกลางถนน หรือผู้ขับขี่เมาสุรา

ตำรวจ สภ.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา เข้าตรวจสอบอุบัติเหตุรถบรรทุกพ่วงเทรลเลอร์ 22 ล้อ บรรทุกน้ำมันเตา 40,000 ลิตร วัตถุไวไฟ ประสบอุบัติเหตุพุ่งชนต้นไม้พลิกคว่ำลงข้างทางบน ถนนมิตรภาพ ขาออก เลยสี่แยกบ้านโพธิ์ อ.เมือง มาประมาณ 200 เมตร มีน้ำมันรั่วไหลเล็กน้อย ส่วนหัวของรถกระแทกกับต้นไม้และคันดินข้างทางพังยับเยิน คนขับถูกอัดก๊อบปี้เสียชีวิตติดคาซากรถ ทราบชื่อคือ นายปิยะชัย ศรีสันต์ อายุ 41 ปี ชาว อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่ต้องใช้อุปกรณ์ตัดถ่างนำร่างออกมาจากรถ ก่อนนำส่ง รพ.มหาราชนครราชสีมา

สอบสวนทราบว่า ผู้เสียชีวิตขับรถบรรทุกน้ำมันเตา 40,000 ลิตร มาลำพังคนเดียว จาก จ.ระยอง เพื่อไปส่งที่ จ.อุดรธานี เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ซึ่งถนนมีลักษณะเป็นทางตรง ผ่านสี่แยกไฟแดง จู่ๆ ก็เกิดเสียหลักพุ่งลงข้างทางชนต้นไม้และกระแทกคันดินจนพลิกคว่ำ เสียชีวิตคาที่ เบื้องต้นสันนิษฐาน สาเหตุอาจเกิดจากคนขับหลับใน

ส่วนที่พัทยา จ.ชลบุรี ตำรวจเข้าตรวจสอบอุบัติเหตุบนถนนสุขุมวิท เส้นทางบางเสร่-สัตหีบ บริเวณหน้าหมู่บ้านนาวีเฮ้าส์ 31 ต.สัตหีบ พบรถจักรยานยนต์ สีแดง ทะเบียนชลบุรี พลิกคว่ำเสียหายอยู่ในเลนซ้าย ใกล้กันพบผู้ขับขี่ คือ นายสมชาติ รุ่งแจ้ง อายุ 41 ปี นอนได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลถลอกที่ใบหน้า และตามร่างกายหลายแห่ง ยังอยู่ในอาการมึนงง ห่างออกไปอีก 10 เมตร ในป่าหญ้าข้างทางพบ น.ส.สายธาร ฉลองกลาง อายุ 17 ปี ตั้งครรภ์ 2 เดือน นอนได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลตามใบหน้า และฟกช้ำตามร่างกาย เบื้องต้นหน่วยกู้ภัยให้การช่วยเหลือนำตัวส่งไปยังโรงพยาบาลแล้ว 

น.ส.สายธาร เล่าว่า ขณะเกิดเหตุได้เดินออกจากบ้านพักไปตามไหล่ทาง เพื่อไปหาเพื่อนที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ จู่ๆ รถจักรยานยนต์คู่กรณี ที่ขี่มาจากทางบางเสร่มุ่งหน้าเข้าสัตหีบ พุ่งชนก่อนกระเด็นไปคนละทิศละทาง จนต่างฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บ

ตำรวจ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ตรวจสอบอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสารสายนครศรีธรรมราช-กรุงเทพมหานคร ทะเบียน กทม. เสียหลักตกร่องกลางถนน ชนกับต้นไม้พลิกคว่ำบนถนนเพชรเกษม ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 293-294 หมู่ที่ 13 บ้านหนองบุญยงค์ ต.บ่อนอก อ.เมือง พบรถทัวร์คันดังกล่าวอยู่ในสภาพกระจกด้านหน้าพังแตกเสียหาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บมีแผลฉีกขาดและแผลถลอกชาย-หญิง รวมจำนวน 22 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องเร่งช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำส่งโรงพยาบาลประจวบฯ

นายสุกรี ดาราไก่ อายุ 51 ปี หนึ่งในผู้โดยสาร เล่าว่า นั่งอยู่หลังคนขับมาจาก จ.นครศรีธรรมราช จะไปลงที่สายใต้ กทม. ช่วงก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงบีบแตรดังสนั่น จากนั้นรถเสียหลักส่ายไป-มา ตนคิดว่ารถตกถนนแน่นอน จึงคว้าหลานมากอดไว้ในอ้อมแขน แต่โชคดีที่พวกตนไม่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนนาย อารอนิง มูหะหมัด อายุ 44 ปี คนขับรถทัวร์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนไม่ได้หลับใน กำลังพาผู้โดยสารจากจังหวัดนครศรีธรรมราช ไปส่งที่สายใต้และหมอชิต ก่อนเกิดเหตุมีรถบรรทุกสิบล้อห้องเย็นวิ่งแซงรถไปด้านหน้า แล้วเปลี่ยนเลนมาทางเลนส์ขวา ซึ่งเป็นเลนที่ตนวิ่งอยู่อย่างกะทันหัน ทำให้ท้ายรถบรรทุกมาเบียดกระจกมองข้างของรถตนจนหัก จึงทำให้รถเสียหลักส่ายไป-มา ก่อนที่จะตกร่องกลางถนน อย่างไรก็ดี สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริง  ตำรวจต้องสอบสวนอีกครั้งต่อไป

เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองลำสามแก้ว เข้าตรวจสอบเหตุมีกลุ่มควันเกิดขึ้นที่รถบรรทุกน้ำมัน บนถนนลำลูกกามุ่งหน้าขาเข้าใกล้เคียงปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พบรถบรรทุกน้ำมันทะเบียน กทม. ซึ่งเป็นรถของบริษ์ท เอส แคริเออร์ จำกัด มีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาที่บริเวณล้อซ้ายด้านหลัง ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงเร่งฉีดน้ำเข้าที่ล้อเป็นการด่วน เนื่องจากที่เกิดเหตุใกล้กับปั๊มน้ำมัน และกันพื้นที่ห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้ เกรงว่าจะได้รับอันตรายกับเหตุที่เกิดขึ้น เนื่องจากมีน้ำมันบางส่วนค้างอยู่ ใช้เวลาไม่เกิน 20 นาที ก็ควบคุมกลุ่มควันไว้ได้

สอบถามนายแดง ไม่ทราบนามสกุล ผู้ขับขี่รถบรรทุกน้ำมัน บอกว่า ตนเองและเพื่อนร่วมงานได้ไปลงน้ำมันทั้งเบนซินและดีเซล ประมาณ 20,000 ลิตรที่ จ.ราชบุรี หมดแล้ว และเดินทางกลับ อยู่ระหว่างวิ่งเข้าคลังน้ำมันคลองห้าลำลูกกา พอมาถึงที่เกิดเหตุพบว่าลมเบรกหมด จึงให้เพื่อนร่วมงานลงมาดู ก็พบว่ามีกลุ่มควันพุ่งขึ้นที่ล้อซ้ายข้างหลังอย่างแรง จึงรีบโทรแจ้งตำรวจเพื่อขอรถน้ำให้มาช่วยเหลือ เหตุการณ์ในครั้งนี้ถือว่าโชคดี เพราะไม่มีน้ำมันในถัง  

ด้านนายขุนพลเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเทศบาลเมืองลำสามแก้วเล่าว่า ขณะที่มาพบก็เห็นกลุ่มควันออกมาจากล้อหลังด้านซ้ายเป็นจำนวนมาก จึงรีบใช้น้ำฉีดเลี้ยงไปที่ต้นเหตุ เพื่อไม่ให้ลุกลามไปยังจุดอื่นหรือเกิดไฟลุกไหม้.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]

ไร้คู่แข่ง “ไชยา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1

รัฐสภา 7ส.ค. – “ไชยา พรหมา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 แบบไร้คู่แข่ง ประกาศพร้อมจับมือทุกฝ่ายทำให้สภาฯ เป็นที่พึ่งของประชาชน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาลงมติเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 แทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอชื่อนายไชยา พรหมา สส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย เพียงชื่อเดียว จากนั้นนายไชยา ได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมสภาฯ ว่า ขอบคุณประธานฯ และสมาชิก ที่ให้ความไว้วางใจให้ทำหน้าที่เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ขอยืนยันว่าจะใช้ความรู้ความสามารถและประสบการณ์การทำงานทางการเมืองตลอดชีวิตการทำงานเพื่อสภาฯ แห่งนี้ อย่างน้อยสถาบันนิติบัญญัติเป็นกลไกที่มีความสำคัญไม่แพ้อำนาจฝ่ายบริหาร ประธานฯ และตัวไชยาเอง อยู่สภาฯ นี้มานาน ได้ผ่านกงล้อประวัติศาสตร์ทางการเมือง สถานการณ์การเมืองที่แตกต่างกันแต่ละยุคสมัย อยากเห็นองค์กรนิติบัญญัติแห่งนี้เป็นที่พึ่งของที่น้องประชาชนต่อไป และสิ่งหนึ่งที่อยากจะเห็นในขณะที่ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 คือ อยากเห็นความร่วมมือร่วมใจ ไม่ว่าจะฝ่ายค้าน […]

เปิด 13 ข้อตกลงหยุดยิง ไทย-กัมพูชา เห็นพ้องรักษาสันติภาพ

มาเลเซีย 7 ส.ค.-เสร็จสิ้นแล้ว การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่ 2 ชาติ เห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อระหว่างกัน โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้1.ยุติการใช้อาวุธทุกประเภท การโจมตีต่อพลเรือน เป้าหมายพลเรือน และเป้าหมายทางทหาร ในทุกพื้นที่และทุกกรณี2.รักษาสถานะการวางกำลังในที่ตั้งปัจจุบัน สถานะตั้งแต่ 28 ก.ค.68 โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง และไม่มีการลาดตระเวนไปยังที่ตั้งของอีกฝ่าย3.ไม่เพิ่มเติมกำลังตลอดแนวชายแดนไทย – กัมพูชา4.ไม่กระทำการอันเป็นการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด การมีกิจกรรมทางทหารเข้าไปยังดินแดน เขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานะการหยุดยิง ตั้งแต่ 28 ก.ค.68 และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตน5.ไม่ใช้กำลังต่อพลเรือน หรือเป้าหมายทางพลเรือนในทุกกรณี6.การปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา: การปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุมตัว การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย โดยจะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรองรับของสถานพยาบาลแล้วแต่กรณี สำหรับทหารที่อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศ หลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็ว และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพ7.กรณีมีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในระดับปฏิบัติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการขยายตัวของสถานการณ์8.เห็นชอบให้เพิ่มในเรื่องของการปฏิบัติดังนี้8.1 ดำรงการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่8.2 จัดการประชุม RBC ภายใน 2 สัปดาห์ นับจากการประชุม […]

แม่ทัพภาค 2 เชื่อผลประชุม GBC เป็นทิศทางที่ดี

7 ส.ค. – มทภ.2 ขอรอผลอย่างเป็นทางการหลังประชุม GBC เชื่อจะไปในทิศทางที่ดี เมิน “ฮุนเซน” ขอไทยงดใช้ F-16 ร้องนานาชาติ หยุดขายเครื่องบินรบให้ไทย ส่วนกรณีสายลับเขมร รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับมอบอุปกรณ์โดรนโลเคเตอร์ เครื่องจับพิกัดตัวโดรน รวม 30 เครื่อง มูลกว่า 8 ล้านบาท เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงของใช้ที่จำเป็นเพื่อนำไปมอบให้ทหารแนวหน้า จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้จะได้ข้อสรุปในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร พลโท บุญสิน บอกว่ารอการชี้แจงอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าจะดีขึ้น ย้ำว่า ในข้อเสนอ 8 เรื่อง 6 ประเด็น ตนให้ความสำคัญ ทหารไทย ณ ปัจจุบันนี้อยู่ตรงไหนก็ให้อยู่ตรงนั้น คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นหลัก เน้นย้ำให้ทหารหน้าแนวตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และตรึงกำลังไว้ตลอด เรื่องแผ่นดินไม่สามารถคุมได้ด้วยเครื่องมือ ต้องใช้คนเฝ้า เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีของกัมพูชาแล้ว เราจะต้องประกบไว้แบบนี้ […]