เด็กแว้นแข่งซิ่งชน จยย.สาวประเภทสองดับ-ประจวบฯ รถทัวร์คว่ำเจ็บ 22 ราย

ภูมิภาค 21 เม.ย.- เมื่อคืนที่ผ่านมา มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นหลายราย โดยที่ จ.เพชรบุรี เด็กแว้นเฉี่ยวชนจักรยานยนต์สาวประเภทสองดับ ส่วนที่ จ.นครปฐม ผู้ใหญ่บ้านขับเก๋งชนเกาะกลางเสียชีวิต ขณะที่ จ.ชลบุรี สาวท้องถูกหนุ่มควบจักรยานยนต์ชนบาดเจ็บ และที่ประจวบคีรีขันธ์ รถทัวร์เสียหลักตกร่องกลางถนนชนต้นไม้ บาดเจ็บ 22 คน 


ตำรวจ สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เข้าตรวจสอบอุบัติเหตุบนถนนเพชรเกษมขาเข้ากรุงเทพฯ บริเวณหน้าค่ายนเรศวร อ.ชะอำ พบร่างนายสันติ มิตรดี อายุ 48 ปี นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่ที่เลนขวาสุดติดกับเกาะกลางถนน สภาพศพมีเลือดออกที่ศีรษะจำนวนมาก จึงส่งศพไปตรวจพิสูจน์ที่ รพ.ชะอำ ใกล้กันยังพบรถจักรยานยนต์สีบรอนซ์ดำ ทะเบียนเพชรบุรี สภาพรถมีรอยถูกเฉี่ยวชน พังเสียหายยับเยิน ถัดมาอีก 15 เมตร พบรถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สภาพหน้ารถพังเสียหายยับเยินเช่นกัน ผู้ได้รับบาดเจ็บคาดว่าถูกนำตัวส่งไปรักษาที่โรงบาลหัวหิน


ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงมีการแข่งรถจักยานยนต์หลายคัน จากนั้นก็ได้ยิงเสียงดังเหมือนรถเฉี่ยวชนกันจนล้ม จึงออกมาดู พบว่ามีคนนอนอยู่กลางถนน 1 ราย ขณะที่กลุ่มวัยรุ่นคู่กรณีที่ขับขี่รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชน ซึ่งได้รับบาดเจ็บ มีเพื่อนที่แข่งรถมาด้วยกันเข้ามาช่วยนำตัวและรถจักรยานยนต์หลบหนีไป ส่วนรถคันที่พังเสียหายไม่สามารถนำไปได้ ก็จอดทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตรวจสอบไปที่โรงพยาบาลหัวหิน พบนายวัชระ สมิงทอง อายุ 17 ปี เข้าไปรับการรักษาตัวโดยมีบาดแผลถลอกตามร่างกาย และสารภาพว่า เกิดเหตุเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตจริง


เกิดอุบัติเหตุนายกิติภูมิ ลิ้มต่อสกุล อายุ 48 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 ต.ดอนตูม  อ.ดอนตูม จ.นครปฐม ขับรถเก๋งสีเทา ทะเบียนกรุงเทพฯ เสียหลักพุ่งชนเกาะกลางถนน และอัดกระแทกเข้ากับเสาไฟส่องสว่างบนถนนสายดอนตูม-หนองปลาไหล เยื้องกับทางเข้าวัดลำเหย ร่างติดอยู่ภายในรถ ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนผู้โดยสารที่ติดอยู่ในรถด้วยอีกคน คือ นายวรณุ ทองเถื่อน อายุ 30 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่เร่งเข้าช่วยเหลือก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลดอนตูม

ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า รถคันเกิดเหตุวิ่งมาด้วยความเร็ว ก่อนจะพุ่งชนเกาะกลางถนนและชนกับเสาไฟส่องสว่าง ทำให้โคมไฟหลุดลงมากองที่พื้นถนน ส่วนสาเหตุคาดน่าจะมองไม่เห็นเกาะกลางถนน เนื่องจากไฟส่องสว่างดับมาหลายวันแล้ว รถที่ไม่ทันระวังอาจจะเสียหลักชนเกาะกลางถนนได้ สำหรับสาเหตุที่แท้จริง ต้องรอการตรวจพิสูจน์อีกครั้งว่าเกิดจากการมองไม่เห็นเกาะกลางถนน หรือผู้ขับขี่เมาสุรา

ตำรวจ สภ.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา เข้าตรวจสอบอุบัติเหตุรถบรรทุกพ่วงเทรลเลอร์ 22 ล้อ บรรทุกน้ำมันเตา 40,000 ลิตร วัตถุไวไฟ ประสบอุบัติเหตุพุ่งชนต้นไม้พลิกคว่ำลงข้างทางบน ถนนมิตรภาพ ขาออก เลยสี่แยกบ้านโพธิ์ อ.เมือง มาประมาณ 200 เมตร มีน้ำมันรั่วไหลเล็กน้อย ส่วนหัวของรถกระแทกกับต้นไม้และคันดินข้างทางพังยับเยิน คนขับถูกอัดก๊อบปี้เสียชีวิตติดคาซากรถ ทราบชื่อคือ นายปิยะชัย ศรีสันต์ อายุ 41 ปี ชาว อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่ต้องใช้อุปกรณ์ตัดถ่างนำร่างออกมาจากรถ ก่อนนำส่ง รพ.มหาราชนครราชสีมา

สอบสวนทราบว่า ผู้เสียชีวิตขับรถบรรทุกน้ำมันเตา 40,000 ลิตร มาลำพังคนเดียว จาก จ.ระยอง เพื่อไปส่งที่ จ.อุดรธานี เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ซึ่งถนนมีลักษณะเป็นทางตรง ผ่านสี่แยกไฟแดง จู่ๆ ก็เกิดเสียหลักพุ่งลงข้างทางชนต้นไม้และกระแทกคันดินจนพลิกคว่ำ เสียชีวิตคาที่ เบื้องต้นสันนิษฐาน สาเหตุอาจเกิดจากคนขับหลับใน

ส่วนที่พัทยา จ.ชลบุรี ตำรวจเข้าตรวจสอบอุบัติเหตุบนถนนสุขุมวิท เส้นทางบางเสร่-สัตหีบ บริเวณหน้าหมู่บ้านนาวีเฮ้าส์ 31 ต.สัตหีบ พบรถจักรยานยนต์ สีแดง ทะเบียนชลบุรี พลิกคว่ำเสียหายอยู่ในเลนซ้าย ใกล้กันพบผู้ขับขี่ คือ นายสมชาติ รุ่งแจ้ง อายุ 41 ปี นอนได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลถลอกที่ใบหน้า และตามร่างกายหลายแห่ง ยังอยู่ในอาการมึนงง ห่างออกไปอีก 10 เมตร ในป่าหญ้าข้างทางพบ น.ส.สายธาร ฉลองกลาง อายุ 17 ปี ตั้งครรภ์ 2 เดือน นอนได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลตามใบหน้า และฟกช้ำตามร่างกาย เบื้องต้นหน่วยกู้ภัยให้การช่วยเหลือนำตัวส่งไปยังโรงพยาบาลแล้ว 

น.ส.สายธาร เล่าว่า ขณะเกิดเหตุได้เดินออกจากบ้านพักไปตามไหล่ทาง เพื่อไปหาเพื่อนที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ จู่ๆ รถจักรยานยนต์คู่กรณี ที่ขี่มาจากทางบางเสร่มุ่งหน้าเข้าสัตหีบ พุ่งชนก่อนกระเด็นไปคนละทิศละทาง จนต่างฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บ

ตำรวจ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ตรวจสอบอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสารสายนครศรีธรรมราช-กรุงเทพมหานคร ทะเบียน กทม. เสียหลักตกร่องกลางถนน ชนกับต้นไม้พลิกคว่ำบนถนนเพชรเกษม ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 293-294 หมู่ที่ 13 บ้านหนองบุญยงค์ ต.บ่อนอก อ.เมือง พบรถทัวร์คันดังกล่าวอยู่ในสภาพกระจกด้านหน้าพังแตกเสียหาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บมีแผลฉีกขาดและแผลถลอกชาย-หญิง รวมจำนวน 22 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องเร่งช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำส่งโรงพยาบาลประจวบฯ

นายสุกรี ดาราไก่ อายุ 51 ปี หนึ่งในผู้โดยสาร เล่าว่า นั่งอยู่หลังคนขับมาจาก จ.นครศรีธรรมราช จะไปลงที่สายใต้ กทม. ช่วงก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงบีบแตรดังสนั่น จากนั้นรถเสียหลักส่ายไป-มา ตนคิดว่ารถตกถนนแน่นอน จึงคว้าหลานมากอดไว้ในอ้อมแขน แต่โชคดีที่พวกตนไม่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนนาย อารอนิง มูหะหมัด อายุ 44 ปี คนขับรถทัวร์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนไม่ได้หลับใน กำลังพาผู้โดยสารจากจังหวัดนครศรีธรรมราช ไปส่งที่สายใต้และหมอชิต ก่อนเกิดเหตุมีรถบรรทุกสิบล้อห้องเย็นวิ่งแซงรถไปด้านหน้า แล้วเปลี่ยนเลนมาทางเลนส์ขวา ซึ่งเป็นเลนที่ตนวิ่งอยู่อย่างกะทันหัน ทำให้ท้ายรถบรรทุกมาเบียดกระจกมองข้างของรถตนจนหัก จึงทำให้รถเสียหลักส่ายไป-มา ก่อนที่จะตกร่องกลางถนน อย่างไรก็ดี สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริง  ตำรวจต้องสอบสวนอีกครั้งต่อไป

เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองลำสามแก้ว เข้าตรวจสอบเหตุมีกลุ่มควันเกิดขึ้นที่รถบรรทุกน้ำมัน บนถนนลำลูกกามุ่งหน้าขาเข้าใกล้เคียงปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พบรถบรรทุกน้ำมันทะเบียน กทม. ซึ่งเป็นรถของบริษ์ท เอส แคริเออร์ จำกัด มีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาที่บริเวณล้อซ้ายด้านหลัง ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงเร่งฉีดน้ำเข้าที่ล้อเป็นการด่วน เนื่องจากที่เกิดเหตุใกล้กับปั๊มน้ำมัน และกันพื้นที่ห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้ เกรงว่าจะได้รับอันตรายกับเหตุที่เกิดขึ้น เนื่องจากมีน้ำมันบางส่วนค้างอยู่ ใช้เวลาไม่เกิน 20 นาที ก็ควบคุมกลุ่มควันไว้ได้

สอบถามนายแดง ไม่ทราบนามสกุล ผู้ขับขี่รถบรรทุกน้ำมัน บอกว่า ตนเองและเพื่อนร่วมงานได้ไปลงน้ำมันทั้งเบนซินและดีเซล ประมาณ 20,000 ลิตรที่ จ.ราชบุรี หมดแล้ว และเดินทางกลับ อยู่ระหว่างวิ่งเข้าคลังน้ำมันคลองห้าลำลูกกา พอมาถึงที่เกิดเหตุพบว่าลมเบรกหมด จึงให้เพื่อนร่วมงานลงมาดู ก็พบว่ามีกลุ่มควันพุ่งขึ้นที่ล้อซ้ายข้างหลังอย่างแรง จึงรีบโทรแจ้งตำรวจเพื่อขอรถน้ำให้มาช่วยเหลือ เหตุการณ์ในครั้งนี้ถือว่าโชคดี เพราะไม่มีน้ำมันในถัง  

ด้านนายขุนพลเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเทศบาลเมืองลำสามแก้วเล่าว่า ขณะที่มาพบก็เห็นกลุ่มควันออกมาจากล้อหลังด้านซ้ายเป็นจำนวนมาก จึงรีบใช้น้ำฉีดเลี้ยงไปที่ต้นเหตุ เพื่อไม่ให้ลุกลามไปยังจุดอื่นหรือเกิดไฟลุกไหม้.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล

นายกฯ เป็นประธานถวายเครื่องราชสักการะ-จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

สนามหลวง 3 มิ.ย.-นายกรัฐมนตรี และคู่สมรส เป็นประธานพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 เวลา 19. 49 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 โดยมีผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ภาคเอกชน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีและคู่สมรสเดินทางถึงพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที นายกรัฐมนตรี ผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ทำวันทยหัตถ์หน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี แล้ววางพุ่มทอง พุ่มเงิน จากนั้นนายกรัฐมนตรีถวายธูปเทียนแพ จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล […]

ตรวจความพร้อมรบ

แม่ทัพภาค 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2

กาญจนบุรี 3 มิ.ย.- แม่ทัพภาคที่ 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 กองกำลังสุรสีห์ ตามแผนเผชิญเหตุ ทบ. พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2 ชายแดนไทย-กัมพูชา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นที่ผ่านมา ที่สนามฝึกทางยุทธวิธี พล.ร.9 จ.กาญจนบุรี พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค 1 เดินทางไปตรวจความพร้อมหน่วย ตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก ทั้งหน่วย กรมทหารราบเฉพาะกิจ กองทัพภาคที่ 1 และกองพันพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว RDF กองทัพภาคที่ 1 โดยมี พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.พล.ร.9 ให้ต้อนรับ พล.ร.9 ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก ให้จัดกำลังเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของกองทัพบก ในการใช้กำลังตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก เข้าในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และให้การสนับสนุนเสริมกำลังรบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบกองทัพภาคที่ 1 โดยหน่วยเตรียมกำลังได้ตรวจสภาพความพร้อมรบตามขั้นตอน เพื่อตรวจสอบความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการปฏิบัติภารกิจในทุกพื้นที่ที่ได้รับมอบภารกิจจากกองทัพบก ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ให้โอวาสกำลังพล ในการเตรียมความพร้อมในทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก โดยขอให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และพร้อมดูแลพี่น้องประชาชน […]

หลวงปู่ศิลา

“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สนับสนุนภารกิจกองกำลังชายแดน

นครราชสีมา 3 มิ.ย.-“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สร้างที่พักในฐานตามแนวชายแดน พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ในการดูแลประเทศชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระราชวัชรธรรมโสภณ (หลวงปู่ศิลา สิริจันโท) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นหิน จ.กาฬสินธุ์ และคณะศิษย์และมูลนิธิธรรมะอุทยาน พร้อมทั้งคณะศิษยานุศิษย์ มอบเงินบริจาค จำนวน 2,017,860 บาท และข้าวสารจำนวน 1,500 กิโลกรัม ให้กับกองทัพภาคที่ 2 เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือกองกำลังทหารชายแดน โดย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับมอบ ที่กองบัญชาการ ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา สำหรับเงินทั้งหมดนี้ จะได้นำไปจัดสร้างที่พักในฐานที่มั่นของกองกำลังสุรนารี ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ตามแนวชายแดน รวมถึงจัดซื้ออุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่ยังขาดอยู่ ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ รวมถึงการจัดหาเครื่องมือต่างๆที่สามารถใช้ได้ภายในฐานปฏิบัติการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทหาร ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่แถวชายแดน. -313 สำนักข่าวไทย

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย