กรุงเทพฯ 20 เม.ย.- การเจรจาไกล่เกลี่ยหาคนดูแลแมวที่ช่วยออกมาจากคาเฟ่ย่านวัชรพล ได้ข้อยุติแล้วโดยกลุ่มเพื่อนสัตวแพทย์จะรับไปดูแลโดยการมอบหมายอย่างถูกต้องของเจ้าของกรรมสิทธิ์ ที่อยู่ระหว่างการรับโทษคดีอาญาเดิม
จากกรณีที่มีชายบุกเข้านำแมวออกมาจากคาเฟ่แห่งหนึ่ง ย่านวัชรพล โดยอ้างว่าแมวถูกทารุณกรรม แต่ตอนหลังฝ่ายเจ้าของคาเฟ่แมวก็ออกมาให้ข้อมูลผ่านเพจวอชต์ด็อกซ์โต้กลับว่า เป็นการให้ข้อมูลบิดเบือนข้อเท็จจริง และต้องการแมวคืน ล่าสุดทางตำรวจได้เรียกคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อนัดมาเจรจาไกล่เกลี่ยหาทางออกเรื่องนี้
โดยที่สถานีตำรวจนครบาลสายไหมเช้านี้ ฝ่ายที่บุกเข้านำแมวออกมาจากคาเฟ่แมว นำโดย นายทัฬอิญ จิรเปรมธนิก ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเสรีรวมไทย เดินทางมารอคู่กรณี ซึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนสัตวแพทย์ที่อ้างว่าได้รับคำสั่งให้ดูแลแมวจากเจ้าของที่ต้องคดีอาญาอยู่ เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยหาข้อยุติในเรื่องดังกล่าว
เบื้องต้น นายทัฬอิญ ระบุว่า ที่มาวันนี้ต้องการมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ และหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับแมว และหากอีกฝ่ายต้องการแมวคืนจริง และรับปากว่าจะไม่นำแมวกลับไปอยู่ในสภาพเดิม ตนก็ยินดีคืนให้ แต่ต้องได้รับการยืนยันก่อนว่าแมวจะไม่มีสภาพความเป็นอยู่แบบเดิม ซึ่งตอนนี้แมวแข็งแรงขึ้นมาก ตนอยากให้มูลนิธิกลางเข้ารับเลี้ยงดูแลแมวที่ช่วยเหลืออกมาได้ทั้งหมด เพราะจะโปร่งใสที่สุด สามารถตรวจสอบบัญชีการเงิน รวมถึงสภาพความเป็นอยู่ของแมวได้
ขณะที่มารดาสัตวแพทย์หญิงชมพู่ เจ้าของคาเฟ่ และตัวแทนกลุ่มเพื่อนสัตวแพทย์ เข้าชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงกรณีดังกล่าว พร้อมเจรจากับนายทัฬอิญ เพื่อขอรับแมวกลับไปเลี้ยงต่อ
ภายหลังเจรจานานกว่า 3 ชั่วโมง โดยมีตัวแทนมูลนิธิวอชต์ด็อกไทยแลนด์ กลุ่มเพื่อนสัตวแพทย์ และนายทัฬอิญ ต่อหน้าพนักงานสอบสวน สน.สายไหม ผลสรุปคือ กลุ่มเพื่อนของสัตวแพทย์หญิงชมพู่ จะเป็นผู้ดูแลแมวทั้งหมด โดยได้นำหนังสือมอบอำนาจและแต่งตั้งจากสัตวแพทย์หญิงชมพู่ ที่ถูกคุมขังอยู่เรือนจำในคดีอาญาเดิม ให้เป็นผู้ดูแลแมวทั้งหมด ขณะที่นายทัฬอิญ ก็ยอมรับข้อตกลง
สัตวแพทย์หญิงภัทรนนท์ สัจจารมย์ ผู้ช่วยฝ่ายกฎหมายมูลนิธิวอชต์ด็อกไทยแลนด์ เปิดเผยว่า แมวทั้งหมดที่อยู่ในคาเฟ่มีทั้งหมด 32 ตัว ตายไปแล้ว 1 ตัว และได้มอบให้ผู้อื่นไปเลี้ยง 1 ตัว จึงเหลือเพียง 30 ตัว โดยนายทัฬอิญ จะมอบแมวให้กลุ่มเพื่อนสัตว์แพทย์ไปดูแลในวันนี้ แต่สำหรับคดีความ เป็นเรื่องระหว่างบุคคล ทางวอชด็อกไทยแลนด์ไม่ขอยุ่งเกี่ยว.-สำนักข่าวไทย