กรุงเทพฯ 2 เม.ย.- GGC พร้อมส่งออกบี100 ล็อตแรก เม.ย.นี้ ด้านผู้ถือหุ้น ซักหนัก ประเด็นสตอกปาล์มล่องหน พร้อมอนุมัติลดพาร์ล้างขาดทุนสะสม หากมีกำไรจะสามารถจ่ายปันผลระหว่างกาล62 ได้ ประธานบอร์ดย้ำเครื่องเตือนใจป้องกันทุจริตอนาคต
ที่ประชุมผู้ถือหุ้น บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล หรือจีจีซี มีการสอบถามอย่างหนักในเรื่องสตอกน้ำมันปาล์มดิบหรือซีพีโอล่องหน2,100 ล้านบาทที่ตรวจพบตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว มีการดำเนินคดี และ เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2562 บริษัท ฯ ได้บรรลุข้อตกลงในการชดใช้ความเสียหาย ของกรณีปัญหาการจัดการวัตถุดิบกับคู่ค้าบางราย โดยมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งกำหนดให้คู่ค้า ส่งมอบวัตถุดิบคงค้าง ส่งตามระยะเวลาที่ตกลงกันในสัญญา
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานบอร์ดจีจีซี กล่าวว่าในขณะนี้บริษัทกำลังดำเนินการตามกฏหมายจึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้มากนัก โดยคู่ค้ารายนี้พร้อมให้ความร่วมมือในการเป็นพยานเพื่อเป็นข้อมูลเสริมในการดำเนินคดีกับผู้ค้ารายอื่น มีตารางชัดเจนว่าจะใช้เงินคืนเมื่อใด มีหลักประกันเป็นที่ดิน มีบุคคลที่น่าเชื่อถือในการรับประกัน โดยทั้งหมดมีนักกฏหมายเข้ามาดูแล และจะมีการทยอยชำระคืน ซึ่งการกระทำผิดเป็นความร่วมมือกันระหว่างคู่ค้าร่วมกับพนักงาน จีจีซี และผู้บริหารบางคนได้แทรกแซงการดำเนินการไม่ให้มีการปฏิบัติการตามกรอบการทำงานตามปกติ ขณะนี้ได้มีการลงโทษทางวินัยและจะดำเนินคดีทางกฏหมายถึงที่สุด พร้อมทั้งจะพยายามตามสินทรัพย์ให้มากที่สุด โดยขณะนี้ยอมรับสินทรัพย์ที่ตามได้ยังไม่ถึงร้อยละ50 ของความเสียหายที่เกิดขึ้น
“บอร์ด และผม ก็รู้สึกตกใจ เสียใจ สะเทือนใจ เพราะผิดคาดที่เกิดปัญหาทุจริต ก็ต้องดำเนินคดี ให้ถึงที่สุด อย่างไรก็ตาม แผนงานในอนาคตก็ต้องเดินหน้าต่อไป โดยเฉพาะโครงการไบโอเคมิคอลคอมเพล็กซ์ เพื่อให้เกิดผลตอบแทนที่ดีสุดสำหรับผู้ถือหุ้นและผู้เกี่ยวข้อง” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้น จีจีซี ได้มีมติอนุมัติการโอนทุนสำรองตามกฎหมายจำนวน 245.62 ล้านบาท และทุนสำรองส่วนล้ำมูลค่าหุ้น จำนวน 219.06 ล้านบาท รวมเป็นเงินจำนวน 464.68 ล้านบาท เพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสมจำนวน 887.28 ล้านบาท ตามงบการเงินเฉพาะกิจการ ณ สิ้นปี 2561 คงเหลือขาดทุนสะสม จำนวน 422.59 ล้านบาทนอกจากนี้ ให้ลดทุนเรียกชำระแล้ว จาก 10,236.66 ล้านบาท เป็น 9,724.83 ล้านบาทโดยลดมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) จากหุ้นละ 10 บาท เป็น 9.50 บาท การลดทุน เป็นการปรับปรุงตัวเลขทางบัญชี และไม่มีการคืนเงินจากการลดทุนให้ผู้ถือหุ้น จึงไม่ส่งผลให้สินทรัพย์ของบริษัทลดลง บริษัทยังคงมีแผนการขยายธุรกิจต่อไป
นายเสกสรร อาตมางกูร กรรมการผู้จัดการ จีจีซี กล่าวว่า การดำเนินการลดพาร์ดังกล่าว ในส่วนนี้จะต้องรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องตามกฏของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนด ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นประมาณเดือน กรกฎาคม ซึ่งหากล้างขาดทุนสะสมแล้ว ผลดำเนินการระหว่างกาลของปี2562 มีกำไร ก็จะจ่ายปันผลระหว่างกาลให้ผู้ถือหุ้น ซึ่งถือว่าเป็นกรณีพิเศษ จากปกติแล้ว บริษัทจะจ่ายปันผลเพียงปีละ1ครั้ง จากผลดำเนินการทั้งปีเท่านั้น
สำหรับยอดขายบี100 หรือ เมทิลเอสเทอร์ ปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปี 2561 ประมาณร้อยละ 10 หรือประมาณ 4 แสนตัน จากปีที่แล้วขายได้ประมาณ 3.7 แสนตัน โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นมาจากโรงงานแห่งที่2 เดินเครื่องเต็มที่ทำให้มีกำลังผลิตรวม 5 แสนตัน ประกอบกับปีนี้รัฐบาลส่งเสริมการใช้ทั้งนำซีพีโอไปผลิตฟ้า ส่งเสริมบี 20 และเตรียมทดสอบ บี10 ในขณะที่มีแผนอุดหนุนส่งออก 1 แสนตัน/ปี โดยในส่วนของ บริษัทพร้อมเข้าโครงการโดยจะเริ่มส่งออก3,000 ตัน ไปจีน ในเดือนเมษายนนี้ อย่างไรก็ตาม จากราคาตลาดโลกต่ำจึงต้องขอการอุดหนุนจากภาครัฐ เช่น การอุดหนุนค่าขนส่งทางเรือ เป็นต้น
นายเสกสรร กล่าวด้วยว่าราคาขายในปีนี้นับว่าตกต่ำกว่าปีที่ผ่านมา รัฐบาลก็พยายามช่วยแก้ปัญหา อย่างไรก็ตามสำหรับผลประกอบการปี 61ที่ขาดทุนสุทธิ 1,160 ล้านหากไม่รวม ปัญหาสตอกปาล์มที่หายแล้ว บริษัทจะมีกำไรประมาณ 400-500 ล้านบาท
ด้านนายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า การลดพาร์ ปกติแล้วไม่มีใครต้องการลด แต่ที่ทำเช่นนี้ ก็เพื่อเป็นการบัณทึกไว้ในประวัติศาสตร์ให้ทุกคนระลึกถึงว่า ต้องระมัดระวังอย่าให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาอีก เพราะเป็นเพียงบริษัทเดียวในกลุ่ม ปตท.ที่มีปัญหา และไม่สามารถจ่ายเงินปันผลผู้ถือหุ้นได้ ซึ่งบริษัทก็ได้ปรับปรุงกฏเกณฑ์ในการตรวจสอบป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตและเดินหน้าทำธุรกิจให้มีความยั่งยืนต่อไป . – สำนักข่าวไทย
