ไทย-กัมพูชาลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งศูย์แรกรับเหยื่อการค้ามนุษย์

367โรงแรมเซนต์รีจีส 26 ส.ค.-ที่ประชุมเจซี ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 10 ผลักดันความร่วมมือให้ครอบคลุมทุกมิติ พร้อมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์แรกรับเหยื่อการค้ามนุษย์ “ดอน” ระบุการประชุม JC ไทย-กัมพูชา เป็นการพัฒนาความร่วมมืออย่างยั่งยืนในการรักษาความมั่นคงชายแดน ด้าน รมว.ต่างประเทศกัมพูชา ชื่นชมไทยมีส่วนสำคัญการสร้างความมั่นคงในภูมิภาค


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (26 ส.ค.) นายปรัก สุคน รัฐมนตรีอาวุโสและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (JC) ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 10 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ระหว่างวันที่ 25-26 สิงหาคม 2559 ตามคำเชิญของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

ภายหลังการประชุมฯ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายปรัก สุคน รัฐมนตรีอาวุโสและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ร่วมกันแถลงผลการประชุมฯ โดยนายดอน กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เพื่อสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงของทั้งสองประเทศและในภูมิภาค โดยจะพัฒนาความร่วมมือในการรักษาความมั่นคงชายแดน การให้ความช่วยเหลือทางการศึกษา และการเผยแพร่หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน


นายดอน กล่าวด้วยว่า ไทยและกัมพูชาตกลงจะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันให้ถึง 1.5 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3 เท่าภายในปี 2020 รวมถึงจะส่งเสริมความเชื่อมโยง ทั้งการพัฒนาจุดผ่านแดน การจัดทำข้อตกลงการขนส่งสินค้าทางทะเลและการเชื่อมต่อทางรถไฟที่จะร่วมผลักดันให้มีการก่อสร้างทางรถไฟเพิ่ม 6 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมต่อให้มีการเดินทางทางรถไฟจากกรุงเทพไปยังกรุงพนมเปญได้ในอนาคต

ด้านนายปรัก กล่าวว่า ยินดีที่ไทย-กัมพูชาได้จัดทำแผนปฏิบัติการณ์ หรือ แอคชั่นแพลน เพื่อสร้างความร่วมมือให้เห็นผล ทั้งนี้กัมพูชาได้ติดตามการการออกเสียงประชามติของไทยอย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นการพัฒนาทางการเมืองของไทย โดยรับทราบถึงผลการออกเสียงประชามติที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งตามแผนของรัฐบาล และเคารพการตัดสินใจของคนไทย และขอชื่นชมบทบาทของไทยที่มีส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นคงในภูมิภาค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (JC) ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 10 เป็นเวทีสำหรับให้รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายติดตามผลการหารือของนายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศในระหว่างการเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ (JCR) ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 18-19 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยในการประชุมฯ ได้หารือในประเด็นความร่วมมือทวิภาคีและความเร่งด่วนที่ครอบคลุมความร่วมมือ 3 สาขาหลัก ได้แก่ การเมืองความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคมวัฒนธรรม อาทิ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม การยกระดับจุดผ่านแดน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจให้ครอบคลุมในทุกมิติ นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์แรกรับเหยื่อการค้ามนุษย์.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

เปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุนสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ด้วยจุดแข็งด้านเกษตรกรรม Soft Power และอุตสาหกรรมที่มีความยั่งยืน มุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและการค้าเสรี เร่งสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าที่เสรี เปิดกว้าง และยั่งยืน

ช้างหลุดเดินถนน

ระทึก! ช้างหลุดจากปางช้างเดินบนถนน รถเสียหาย 1 คัน

ระทึก! ควาญช้างและตำรวจเร่งติดตามช้างหลุดจากปาง เดินบนถนน ชนกระจกมองข้างรถยนต์เสียหาย 1 คัน สุดท้ายไปเจอเล่นน้ำอยู่ในลำธารอย่างสบายใจ

ฝุ่น กทม.

แดงเกือบทั้งกรุง คุณภาพอากาศวิกฤติ ฝุ่น PM 2.5 กระทบต่อสุขภาพ

คุณภาพอากาศกรุงเทพฯ วิกฤติต่อเนื่อง เช้านี้ฝุ่น PM 2.5 อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 67 พื้นที่ คุณภาพอากาศจะแย่แบบนี้ไปถึงสัปดาห์หน้า

วันประวัติศาสตร์ สมรสเท่าเทียมวันแรก

วันนี้เป็นวันแรกที่กฎหมายสมรสเท่าเทียม มีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ ใน กทม. มีการจัดงานวันสมรสเท่าเทียมอย่างยิ่งใหญ่ เฉลิมฉลองให้กับเส้นทางการต่อสู้อันยาวนานกว่าที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ ไม่ว่าเพศใดก็จะได้รับสิทธิการสมรสอย่างเท่าเทียมกัน