สำนักข่าวไทย 30 มี.ค.- “มงคลกิตติ์” เผยพรรคไทยศรีวิไลย์สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐให้จัดตั้งรัฐบาล หลังได้พูดคุยกับผู้ใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐแล้ว มีแนวทางการทำงานตรงกันโดยเฉพาะนโยบายปราบปรามการทุจริต ขณะที่พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย และพรรคพลังชาติไทย ยังไม่ตอบ รอ กกต.ประกาศผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงท่าทีของพรรคในการร่วมจัดตั้งรัฐบาล ว่า พรรคจะสนับสนุนและร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากได้พูดคุยกับผู้ใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐ แล้ว เห็นว่าแนวทางการทำงานตรงกัน โดยเฉพาะเรื่องการปราบปรามการทุจริต ที่ตนดำเนินการมาตลอด และเท่าที่พูดคุย ตนขอตรวจสอบคดีค้างเก่าให้แล้วเสร็จและสามารถติดตามตรวจสอบโครงการใหญ่และที่ใช้งบประมาณจำนวนมาก ของพรรคพลังประชารัฐได้ เพื่อไม่ให้การใช้งบประมาณสูญเปล่า ป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายในอนาคต อย่างการจัดซื้อเครื่องบินของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) งบประมาณเกือบแสนล้านบาท ซึ่งตนมองว่าเป็นการใช้เงินเกินความจำเป็น
หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวว่า ตนยืนยันว่าการจะเข้าไปร่วมทำงานกับพรรคพลังประชารัฐ เป็นไปด้วยความสมัครใจไม่ได้ถูกซื้อตามที่มีกระแสข่าวว่าพรรคเล็กถูกซื้อด้วยเงิน 20-30 ล้านบาท และตนมองว่าการเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ จะสามารถผลักดันนโยบายตามที่ได้หาเสียงและสัญญากับประชาชนไว้
“ผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐ รับฟังข้อเสนอของเรา โดยเฉพาะจุดยืนในการตรวจสอบทุจริต ผมเคยทำงานร่วมกับกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในสภาผู้แทนราษฎร หากพรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาล ผมก็ขอเข้าไปทำหน้าที่ในกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เพราะแม้จะอยู่ร่วมรัฐบาล ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยให้รัฐบาลทำผิด ทุกอย่างต้องมีการตรวจสอบเพื่อไม่ให้บ้านเมืองเสียหาย” นายมงคลกิตติ์ กล่าว
นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีพรรคการเมืองใด ทั้งพรรคพลังประชารัฐ และพรรคเพื่อไทย ทาบทามให้ไปอยู่ด้วย และพรรคเองยังไมได้ตัดสินใจว่าจะไปอยู่กับขั้วการเมืองใด เพราะยังมีเวลาตัดสินใจจนถึงวันที่ 9 พฤษภาคม ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะประกาศผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ในส่วนของพรรคหากจะเข้าร่วมกับฝ่ายใด จะคำนึงถึงนโยบายที่พรรคได้หาเสียงไว้ คือการเพิ่มพื้นที่ป่า และการยกเลิกการใช้สารเคมีอันตราย เพราะต้องเคารพเสียงประชาชนที่เลือกพรรคตนด้วย
นายดำรงค์ กล่าวว่า พรรคขนาดเล็กที่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 ที่นั่งที่มีกว่า 10 พรรค ก็มีการพูดคุยกันถึงแนวทางต่อจากนี้ แต่ยังไม่มีการพูดถึงการรวมตัวต่อรองเก้าอี้ อย่างไรก็ตาม ตนเป็นห่วงเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคเพื่อไทย จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เชื่อว่าจะได้รัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพ และอยู่ได้ไม่นาน เนื่องจากมีเสียงเกินครึ่งไม่มากนัก ซึ่งตนเสียดายงบประมาณที่ใช้จัดการเลือกตั้งครั้งนี้
พล.ต.ทรงกลด ทิพย์รัตน์ หัวหน้าพรรคพลังชาติไทย กล่าวว่า พรรคจะแสดงความชัดเจน หลังจากที่ กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ จุดยืนของพรรคคือการผลักดันนโยบายที่เป็นประโยชน์ กับผู้ที่มีรายได้น้อยและผู้สูงอายุ อย่างการให้เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เดือนละ 5 พันบาท เป็นเวลา 6 เดือน พรรคพร้อมเข้าร่วมเป็นรัฐบาล ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยหรือพลังประชารัฐจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพราะต้องการผลักดันนโยบายที่ผ่านการศึกษาและมาจากแผนการปฏิรูปประเทศ ซึ่งตนเคยทำงานอยู่ ยืนยันว่าขณะนี้ไม่มีการพูดคุยเรื่องต่อรองตำแหน่ง และตนเห็นว่าสถานการณ์ขณะนี้ประเทศควรก้าวข้ามคำว่าการต่อต้านเผด็จการได้แล้ว เพราะเมื่อมีการเลือกตั้งถือว่าประเทศเป็นประชาธิปไตยแล้ว สิ่งสำคัญควรจะมองที่ปัญหาปากท้องของประชาชนเป็นลำดับต้นที่เข้ามาแก้ปัญหามากกว่าเรื่องเผด็จการ สืบทอดอำนาจของคสช.
มีรายงานว่าข่าวจากแกนนำพรรคขนาดเล็กว่า พรรคขนาดเล็ก จำนวน 13 พรรค ยกเว้นพรรคพลังปวงชนไทยที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ได้หารือและตกลงกันจะสนับสนุนการทำงานของพรรคพลังประชารัฐ เพราะมองว่า จะสามารถขับเคลื่อนนโยบายพรรคตามที่ได้หาเสียงไว้ได้ ซึ่งการพูดคุยได้ข้อสรุปตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา จะทำให้ขั้วของพรรคพลังประชารัฐ มีคะแนนเสียงเพิ่มอีก 15 เสียง .-สำนักข่าวไทย