ดีเดย์ 1 เมษายนนี้ ใช้หลักเกณฑ์สินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่

กรุงเทพฯ 27 มี.ค.-1 เมษายน ดีเดย์หลากเรื่องต้องรู้ ทั้งบังคับหลักเกณฑ์สินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ ซึ่งแบงก์ชาติวันนี้ออกมาย้ำว่าการดำเนินการไม่ได้ขัดขวางการมีบ้านของผู้มีรายได้น้อย และ 1 เมษายนก็เป็นวันแรก ที่สรรพากรเปิดลงทะเบียนเอสเอ็มอีแจ้งสิทธิ์เสียภาษีย้อนหลังไม่เสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม 


          

วันที่ 1 เมษายนนี้ หลักเกณฑ์ปรับปรุงการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย จะเริ่มมีผลบังคับใช้แล้ว สิ่งสำคัญคือการกำหนดเงินดาวน์ขั้นต่ำหรืออัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV)โดยเกณฑ์นี้จะกระทบต่อผู้กู้ที่ซื้อบ้านตั้งแต่ 2 หลังขึ้นไป ที่ผ่อนหลังแรกยังไม่หมด และกระทบสำหรับผู้ซื้อบ้านที่มีราคามากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป ดังนั้นผู้ที่ซื้อบ้านหลังแรกต่ำกว่า 10 ล้านบาท และผู้ที่กู้ซื้อบ้านหลังที่ 2 โดยผ่อนหลังแรกเสร็จแล้วก็จะไม่ได้รับผลกระทบ ผู้รีไฟแนนซ์สินเชื่อผ่อนบ้าน 1 หลังก็ไม่กระทบ แต่การรีไฟแนนซ์ที่อยู่อาศัยในทุกกรณีให้ใช้ราคาประเมินใหม่เพื่อสะท้อน มูลค่าปัจจุบัน และผู้กู้ที่ทำสัญญาจะซื้อจะขายหรือผ่อนดาวน์ก่อน 15 ต.ค.61 ก็ไม่กระทบเช่นกัน


กรณีการวางดาวน์ขั้นต่ำสำหรับผู้ซื้อบ้าน คอนโดฯ ที่อยู่อาศัยต่ำกว่า 10 ล้านบาทนั้น กรณีสัญญากู้ที่เป็นที่อยู่อาศัยหลังแรก จะไม่เปลี่ยนแปลงจากของเดิมคือดาวน์ร้อยละ 0-10 แต่หากเป็นบ้านหลังที่ 2 ที่ผ่อนหลังแรกยังไม่หมด จะต้องวางดาวน์ ร้อยละ 10 หากผ่อนสัญญาแรกมาแล้ว 3 ปีขึ้นไป หากผ่อนสัญญาแรกไม่ถึง 3 ปีก็ต้องดาวน์ร้อยละ 20 และหากอยากซื้อหลังที่ 3 กรณีที่ผ่อนหลังที่ 1 และ2 ยังไม่หมด บ้านหลังที่ 3 ต้องวางดาวน์ร้อยละ30 ส่วนผู้ซื้อบ้านราคามากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป สัญญาบ้านหลังที่ 1 และ 2 ต้องวางดาวน์ร้อยละ 20 และสัญญาที่ 3 ขึ้นไปต้องวางดาวน์ร้อยละ 30 และในส่วนสินเชื่อท็อปอัพคือซื้อบ้านแล้วต้องการสินเชื่อ นอกจากซื้อบ้านแล้วก็ต้องการเงินไปตกแต่งเพิ่มเติม เช่น ต่อเติมครัว หรืออื่นๆ เงินส่วนนี้ก็จะนำไปรวมกับสินเชื่อหลักนับเป็นวงเงินกู้ที่ใช้หลักประกันเดียวกัน ยกเว้นสินเชื่อเพื่อจ่ายเบี้ยประกันชีวิตผู้กู้ ประกันวินาศภัยและสินเชื่อที่ให้กับธุรกิจเอสเอ็มอี

   


นายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า มาตรการปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ออกมาเพื่อกำกับความเสี่ยงเฉพาะจุดและพยายามจะให้กระทบประชาชนที่ต้องการซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยจริงน้อยที่สุด ช่วยลดความเสี่ยงภาคอสังหริมทรัพย์และช่วยให้การดูแลระบบสถาบันการเงินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แบงก์ชาติไม่ได้มีความตั้งใจที่จะไปขัดความต้องการมีบ้านของประชาชน แต่เน้นป้องกันไม่ให้ก่อหนี้มากเกินไปจนเกิดความเสี่ยงในอนาคต และป้องกันการปล่อยสินเชื่อที่เอื้อประโยชน์นักลงทุนเก็งกำไร ที่สำคัญเป็นการดูแลไม่ให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจภาคส่วนอื่นเป็นจำนวนมาก เกิดความเสี่ยงที่รุนแรงจนกลายเป็นความเสี่ยงเชิงระบบในอนาคต, ส่วนลูกค้าต่างชาติจะได้รับผลกระทบหรือไม่นั้น ทางแบงก์ชาติก็คาดว่าคงต้องมีการปรับตัวโดยปีที่แล้ว ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ไทยเพิ่มจากปี 2560 ร้อยละ 30 ลูกค้าหลักคือ ชาวจีน มีสัดส่วนคิดร้อยละ 43    

นายกิตติ พัฒนพงศ์พิบูล ประธานสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย กล่าวว่ามาตรการที่ออกมาแม้เพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ แต่ยังถือเป็นมาตรการที่อ่อนมากเมื่อเทียบกับทั่วโลก เพราะมาตรการแบงก์ชาติ เพียงต้องการลดการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ลดการเก็งกำไรเพื่อขายต่อ หรือให้เช่า อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ เป็นช่วงที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยอยู่ในภาวะล้นตลาด

 

การที่แบงก์ชาติเข้ามาควบคุมการปล่อยสินเชื่อ ก็อาจทำให้กระทบสถาบันการเงินและผู้ประกอบการรวมทั้งประชาชน ซึ่งเชื่อว่าปีนี้ทั้งปีน่าจะมียอดสินเชื่อปล่อยใหม่ประมาณ 500,000 ล้านบาทเท่าๆ กับปีที่ผ่านมาและมียอดสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์คงค้างรวม 3.5 ล้านล้านบาท อีกด้านหนึ่งกรมสรรพากรออกมาแถลงว่า ตั้งแต่วานนี้ (วันที่ 26 มีนาคม 2562) พระราชบัญญัติยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มภาษีอากร และความรับผิดทางอาญา พ.ศ. 2562 เพื่อสนับสนุนการจัดทำบัญชีเล่มเดียวมาตรการสุดท้ายมีผลใช้บังคับ ดังนั้นจึงขอให้เอสเอ็มอีที่มีรายได้ทางภาษีปีละ 500 ล้านบาท ประมาณ 460,000 ราย ลงทะเบียนแจ้งใช้สิทธิ์ในระบบ “ส่งเสริมผู้ประกอบการจัดทำบัญชีให้สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการ” ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร http://www.rd.go.th ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562-30 มิถุนายน 2562 ซึ่งการยกเว้นความรับผิดทางอาญาจะยกเว้นให้เพียงเฉพาะความผิดที่ไม่ยื่นแบบเสียภาษีเท่านั้น แต่โทษอาญาอื่น ๆ เช่น การปลอมแปลงใบกำกับภาษีจะไม่ได้รับการยกเว้นความผิด ส่วนเงื่อนไขที่ผู้ประกอบการต้องปฏิบัติ คือ ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีอากรทุกประเภทตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรือ e-Filing ครบถ้วน ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562-30 มิถุนายน 2563  

           

และสุดท้ายขอย้ำเตือนผู้มีภาระเสียภาษีเพราะใกล้วันสิ้นสุดระยะเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด.90 และ ภ.ง.ด.91 ประจำปีภาษี 2561, การยื่นแบบหากยื่นที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่งทั่วประเทศ ต้องยื่นภายในวันจันทร์ที่ 1 เมษายน 2562 และกรณียื่นแบบฯ ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตที่เว็บไซต์กรมสรรพากร www.rd.go.th หรือยื่นแบบฯ ด้วย Application RD Smart Tax สามารถใช้บริการได้ถึงวันจันทร์ที่ 9 เมษายน 2562.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

หนุ่มอุดรฯ ดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ 45 ล้านบาท

สุดเฮง! หนุ่มอุดรฯ ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ รับเงินรางวัล 45 ล้านบาท ลูกสาวเผยพ่อเป็นคนชอบทำบุญ ก่อนหน้านี้เพิ่งโทรมาบอกให้ใส่บาตร เชื่อผลบุญหนุนโชคลาภ

สามีภรรยาจากอยุธยารับ “เจ้าจอร์จ” ไปดูแล

สามีภรรยาใจบุญจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ขอรับ “เจ้าจอร์จ” สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ไปอุปการะแล้ว หลังกัดแทะร่างพระเจ้าของที่มรณภาพในกุฏิด้วยโรคประจำตัว

ดีเอสไออนุมัติสืบสวนคดีแตงโม คาดตั้งชุดเริ่มสืบได้ 27 ม.ค.นี้

อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้สืบสวนคดีแตงโม ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ คาดเริ่มได้ 27 ม.ค.นี้