ดินแดง 12 มี.ค.-กระทรวงแรงงาน ลงนามร่วมเอกชน รวม 23 หน่วยงาน จ้างงานผู้สูงอายุ เป้าหมายให้มีงานทำหลังเกษียณ โดยปี62 นี้ ตั้งเป้าอย่างน้อย 1 แสนคน
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการมีงานทำให้ผู้สูงอายุ ระหว่างกรมการจัดหางาน , กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน , กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน , สำนักงานประกันสังคม , กรมกิจการผู้สูงอายุ , กรมการพัฒนาชุมชน , กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น , สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน , สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย , สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย ,สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย และหน่วยงานภาคเอกชน รวม 23 หน่วยงาน ตามโครงการ “รวมพลังประชารัฐ ส่งเสริมการมีงานทำให้ผู้สูงอายุ” สร้างคุณค่า สร้างหลักประกันที่มั่นคงทางรายได้ให้ผู้สูงอายุ เป้าหมาย 100,000 คนทั่วประเทศ ดีเดย์เปิดรับสมัครพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้ (13 มี.ค.) เป็นต้นไป
รมว.แรงงาน กล่าวว่า ปัจจุบันไทยมีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปประมาณ 12 ล้านคน การดูแลในส่วนของกระทรวงแรงงานได้ขับเคลื่อนส่งเสริมการมีงานทำของผู้สูงอายุ โดยคณะกรรมการค่าจ้างได้ประชุมเพื่อพิจารณากำหนดอัตราค่าจ้างที่เหมาะสมสำหรับการจ้างงานผู้สูงอายุ ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว คือ 1.ช่วงอายุสำหรับการจ้างแรงงานผู้สูงอายุ:ใช้สำหรับการจ้างลูกจ้างผู้สูงอายุ ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป , 2.ประเภทงาน เช่น งานเสมียน พนักงาน งานเกี่ยวกับการค้า งานด้านบริการหรืองานไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกจ้างผู้สูงอายุ ,3.อัตราค่าจ้างรายชั่วโมง อัตราเดียวเท่ากันทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 45 บาทต่อชั่วโมง , 4.กำหนดระยะเวลาทำงานที่เหมาะสมสำหรับลูกจ้างผู้สูงอายุ โดยไม่ควรเกิน 7 ชั่วโมงต่อวัน และไม่เกิน 6 วันต่อสัปดาห์
รมว.แรงงาน กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้ตั้งเป้าหมายให้ผู้สูงอายุมีงานทำอย่างน้อย 100,000 คน แบ่งเป็นแรงงานผู้สูงอายุในระบบจำนวน 20,000 คน เป็นลูกจ้างเอกชน 15,000 คน และลูกจ้างภาครัฐ/รัฐวิสาหกิจ 5,000 คน และแรงงานผู้สูงอายุนอกระบบจำนวน 80,000 คน แบ่งเป็นส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระจำนวน 70,000 คน และส่งเสริมการรับงานไปทำที่บ้าน จำนวน 10,000 คน
สำหรับการลงนาม MOU วันนี้ เป็นการขับเคลื่อนส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีงานทำ โดยบูรณาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม มีเจตจำนงจะส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้สูงอายุได้มีงานทำในอาชีพที่เหมาะสมกับวัยและประสบการณ์ เป็นการสร้างหลักประกันที่มั่นคงด้านรายได้ลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐในด้านสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุ ผ่านการจ้างงานจากหน่วยงานในภาคีเครือข่าย โดยมีระยะเวลาของบันทึกความเข้าใจ 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ลงนามในบันทึกความเข้าใจฉบับนี้เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตามเพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชนจ้างแรงงานผู้สูงอายุเข้าทำงานมากขึ้น รัฐบาลได้ออกมาตรการจูงใจ โดยการตราพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 639)พ.ศ.2560 กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีสิทธินำรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างผู้สูงอายุมายกเว้นภาษีเงินได้ โดยสามารถหักรายจ่ายได้ 2 เท่าในการจ้างผู้สูงอายุเข้าทำงานในสถานประกอบการของตน โดยรายจ่ายที่จะได้รับการยกเว้นภาษี ต้องเกิดจากรายจ่ายที่จ่ายเป็นค่าจ้างให้แก่ผู้สูงอายุไม่เกินเดือนละ15,000 บาท
สำหรับผู้สูงอายุที่สนใจสามารถสมัครงานผ่าน 5 ช่องทางคือ 1. ศูนย์ บริการจัดหางานเพื่อคนไทย (Smart Job Center) สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด
2. สถานประกอบการ
3. เว็บไซต์ www.Smartjob.doe.go.th
4. ตู้งาน (Job Box) 5.สายด่วน 1506 เปิดรับสมัครพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้( 13 มี.ค.)เป็นต้นไป.-สำนักข่าวไทย