กรุงเทพฯ 11 มี.ค.-“พล.อ.ประวิตร” รับทราบสถานการณ์ และให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากระเบิดป่วน จ.พัทลุง-สตูล กำชับเจ้าหน้าที่ร่วมกันเฝ้าระวังและพัฒนาระบบตรวจสอบป้องกันในพื้นที่
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า วันนี้ (11 มี.ค.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ เพื่อรับทราบรายงานสถานการณ์และให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากระเบิดป่วนเมือง โดยกลุ่มผู้ใช้ความรุนแรงในพื้นที่ จ.สตูล และพัทลุง เมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา โดยตรวจความเสียหายและรับฟังสถานการณ์ในพื้นที่ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง ให้ความเชื่อมั่นการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งเป็นกำลังใจกับประชาชน ครู และนักเรียนที่ได้รับผลกระทบ ที่โรงเรียนปากพะยูนพิทยาคาร
พล.ท.คงชีพ กล่าวอีกว่า จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้เดินทางไปดูความเสียหายในพื้นที่ อ.เมือง จ.สตูล และรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในภาพรวม โดยประชาชนในพื้นที่ จ.ตรังและพัทลุง ร่วมกันสะท้อนถึงความต้องการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและรังเกียจการกระทำที่ป่าเถื่อนใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้น
“สถานการณ์โดยสรุป พบความเคลื่อนไหวการก่อเหตุ โดยคาดว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มบุคคลเป้าหมายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ออกไปก่อเหตุนอกพื้นที่ หลังจากฝ่ายความมั่นคงได้ระดมกวาดล้างอิทธิพลจากยาเสพติดและธุรกิจเถื่อนในพื้นที่ รวมทั้งเปิดปฏิบัติการเชิงรุกในพื้นที่ป่าภูเขาและตรวจเข้มแนวชายแดนต่อเนื่องที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ทราบตัวกลุ่มบุคคลดังกล่าวแล้ว อยู่ระหว่างสอบสวนขยายผลเชื่อมโยงเครือข่ายขบวนการเพิ่มเติม” พล.ท.คงชีพ กล่าว
โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณและให้กำลังใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ที่ร่วมกันดูแลสถานการณ์ในพื้นที่ จนมีพัฒนาการดีขึ้นตามลำดับ โดยขอให้อดทนในการทำงานและใช้ความเมตตากับกลุ่มคนที่ยังเห็นต่างและใช้วิธีการรุนแรงสร้างความเสียหายกับสถานที่ ระบบเศรษฐกิจ และประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ผ่านมา พร้อมกับย้ำให้ตำรวจเร่งรัดติดตามความคืบหน้าของคดี นำผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย และให้ทุกส่วนราชการประสานการทำงานร่วมกับภาคประชาชน และผู้นำในพื้นที่ทุกระดับอย่างใกล้ชิด ร่วมกันเฝ้าระวังและพัฒนาระบบตรวจสอบป้องกันในพื้นที่ ทั้งการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม และขยายเครือข่ายงานข่าวภาคประชาชนให้ครอบคลุมการดูแลความปลอดภัยในทุกพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ และต้องระวังไม่ตกเป็นเครื่องมือในการสร้างเงื่อนไขใหม่ พร้อมทั้งให้จับตาและติดตามความเชื่อมโยงกับกลุ่มอิทธิพลและผลประโยชน์เดิมในพื้นที่อย่างใกล้ชิด สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งทางกายภาพและจิตใจของประชาชน ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายกับประชาชนในทุกพื้นที่ให้ทั่วถึง เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่สามารถกลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติสุขโดยเร็ว.-สำนักข่าวไทย