กรุงเทพฯ 8 มี.ค.- ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณสะพานข้ามแยกอโศก – เพชรบุรี ซึ่งจะปิดซ่อมแซมเป็นเวลา 6 เดือนนับตั้งแต่เที่ยงคืนวันนี้ โดยเจ้าหน้าที่ได้นำแผ่นป้ายปิดประชาสัมพันธ์ ส่วนบริษัทรับเหมาก่อสร้างเตรียมนำแบริเออร์กั้นพื้นที่แล้ว
โดยตลอดช่วงบ่ายบริเวณสะพานข้ามแยกอโศก –เพชรบุรี ยังคงเปิดการจราจร ตามปกติ โดยมีเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครนำแผ่นป้ายติดประกาศบริเวณกลางสะพาน เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่ใช้เส้นทางดังกล่าวทราบว่า ตั้งแต่24 นาฬิกาคืนนี้ จนถึง 4 กันยายน 2562 รวมระยะเวลา 6 เดือน จะ ดำเนินการปิดสะพานเหล็กข้ามแยก ถนนอโศก-เพชรบุรี ทั้งขาเข้าและขาออก เพื่อดำเนินการซ่อมแซม เนื่องจากโครงสร้างสะพานและพื้นผิว จราจรบนสะพานชำรุดและได้เสียหาย
ขณะที่บริษัทฤทธา ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาได้เข้าดำเนินการเตรียมความพร้อมแล้ว โดยมีการติดป้ายประกาศพื้นที่ก่อสร้าง ห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่ก่อสร้างเพื่อความปลอดภัย พร้อมนำนั่งร้านติดตั้งบริเวณเสาสะพาน นอกจากนี้ยังนำแผ่นแบริเออร์ วางกั้นแบ่งระหว่างช่องทางจราจรกับพื้นที่ก่อสร้างให้ชัดเจน
อย่างไรก็ตามกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้แนะนำหลีกเลี่ยงเส้นทางจราจรบริเวณสะพานแยกอโศก-เพชรบุรี ไปใช้ถนนกำแพงเพชร 7// ถนนพระราม 9 //ถนน นิคมมักกะสัน //และ ถนนสุขุมวิท แทน เพื่อหลีกเลี่ยง การจราจรที่ติดขัดในบริเวณนี้ พร้อมจัดกำลังตำรวจจราจรจาก สน.มักกะสันและจราจรกลาง วันละ 12 นาย คอยอำนวยความสะดวก ซึ่งคาดว่าวันพรุ่งนี้ (9 มี.ค.)เป็นวันแรกของการปิดสะพาน อาจส่งผลให้การจราจรติดขัด ซึ่งปกติแล้วการจราจรบริเวณนี้ติดขัดเป็นประจำซึ่งการปิดสะพานข้ามแยกยิ่งเพิ่มปัญหาการจราจรติดขัด โดยหากไม่มีความจำเป็นก็ขอให้หลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว หรือ หากมีความจำเป็นต้องใช้เส้นทางก็ให้ศึกษาเส้นทางดังกล่าวในการสัญจร โดยแนะนำให้ใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน และ เผื่อเวลาในการเดินทางอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง หากมีปัญหาการจราจรสามารถแจ้งได้ที่ 1197 หรือ ศูนย์ควบคุมจราจรกองบังคับการตำรวจจราจร
สำหรับสะพานข้ามแยกอโศก-เพชรบุรี ถูกใช้งานมานานถึง 49 ปี มีหลายจุดที่ชำรุดทั้งผิวถนน รวมถึงโครงเหล็กจำกัดความสูงถูกรถเฉี่ยวชน จึงจำเป็นต้องได้รับการซ้อมแซม ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่โรงเรียนปิดเทอมจึงเหมาะสำหรับการดำเนินงานโดยอาจมีปัญหาน้อยกว่าปกติ และภายหลังซ่อมแซมสะพานแล้วเสร็จ จะไม่อนุญาตให้รถบรรทุกขนาดใหญ่ขึ้นสะพาน พร้อมกำชับ ตำรวจในพื้นที่ให้เข้มงวดกวดขันมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย