ทำเนียบรัฐบาล 29 ส.ค. – บอร์ดบีโอไออนุมัติส่งเสริมการลงทุน 34 โครงการ กว่า 200,000 ล้านบาท คลอดนโยบายส่งเสริมการแพทย์ครบวงจร ยกเว้นภาษีเงินได้ 5-8 ปีแก่กิจการผลิตยา พร้อมออกมาตรการส่งเสริมเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”
นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมอนุมัติให้ส่งเสริมการลงทุนแก่กิจการในกลุ่มต่าง ๆ จำนวน 34 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 266,387.7 ล้านบาท และจากการติดตามโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนตั้งแต่ปี 2557- 2559 พบว่า ร้อยละ 60-70 ของโครงการต่าง ๆ เริ่มต้นลงทุนแล้ว คาดว่าตลอดปี 2559 จะมีการลงทุนจริงประมาณ 500,000-600,000 ล้านบาท
สำหรับในช่วง 7 เดือนแรก มียอดอนุมัติโครงการลงทุนสะสมประมาณ 600,000 ล้านบาท ขณะที่เป้าหมายการยื่นโครงการขอรับส่งเสริมการลงทุนใหม่ตลอดปี 2559 ยังคงเป้าหมายไว้ที่ 550,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ต้องการให้เข้ามาลงทุนคิดเป็นร้อยละ 47 ของโครงการที่ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนทั้งหมดในภาพรวมที่ยื่นคำขอในช่วง 7 เดือนแรกปีนี้
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบนโยบายส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร หรือเมดิคัล ฮับ ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยจะให้สิทธิประโยชน์เพิ่มแก่กิจการผลิตยาและกิจการผลิตเครื่องมือแพทย์ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ครบวงจร รวมทั้งจะสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพของคนในประเทศช่วยให้คนไทยสามารถเข้าถึงยาและเครื่องมือแพทย์และลดการขาดดุลการค้าจากการนำเข้ายาและเครื่องมือแพทย์จากต่างประเทศ
ทั้งนี้ ภายใต้นโยบายดังกล่าวจะเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่โครงการลงทุนในกลุ่มกิจการผลิตยาและกิจการผลิตเครื่องมือแพทย์ โดยกิจการผลิตยาปัจจุบันไม่ได้รับการยกเว้นภาษี ก็จะเปลี่ยนเป็นให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 5 ปี และหากโครงการใดยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนภายในปี 2560 จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 8 ปี เพื่อช่วยลดภาระผู้ผลิตยาที่จะต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากในการปรับปรุงโรงงานผลิตให้ได้มาตรฐาน GMP ตามแนวทาง PIC/S
ส่วนกิจการผลิตเครื่องมือแพทย์ ปัจจุบันให้การส่งเสริมอยู่แล้วแต่เพื่อสนับสนุนให้กิจการเอสเอ็มอีไทยสามารถลงทุนผลิตเครื่องมือแพทย์ได้ จึงเห็นชอบให้เพิ่มประเภทกิจการผลิตเครื่องมือแพทย์ในมาตรการส่งเสริมเอสเอ็มอีไทย ซึ่งจะช่วยให้กิจการเอสเอ็มอีที่ผลิตเครื่องมือแพทย์ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้นอีก 2 ปี จากเกณฑ์ปกติ เช่น กิจการเครื่องมือแพทย์ที่ได้ยกเว้นภาษี 5 ปี ก็จะได้ยกเว้น 7 ปี เป็นต้น สำหรับการส่งเสริมกิจการสถานพยาบาล จำเป็นจะต้องรอรายละเอียดของรัฐธรรมนูญว่าด้วยเรื่องระบบสุขภาพแห่งชาติและนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข จากนั้นบีโอไอจะดำเนินการจัดทำแนวทางการส่งเสริมการลงทุนในกิจการสถานพยาบาลเพื่อนำเสนอบอร์ดพิจารณาต่อไป
คณะกรรมการบีโอไอ ยังเห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนในเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” เพื่อให้สอดรับกับนโยบายรัฐบาลในการจัดทำโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมให้กับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ใน 3 พื้นที่ ได้แก่ 1.อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เป็นเมืองต้นแบบการพัฒนา “เกษตรอุตสาหกรรมก้าวหน้าผสมผสาน” (Agricultural Industry City) 2. อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เป็นเมืองต้นแบบการพัฒนาที่พึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน (Sustainable Development City) และ 3. อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส เป็นเมืองต้นแบบการค้าชายแดนระหว่างประเทศ (International Border City) โดยให้เพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับโครงการลงทุนใหม่ใน 3 พื้นที่ดังกล่าว สูงกว่าสิทธิประโยชน์ของมาตรการส่งเสริมการลงทุนใน 4 จังหวัดภาคใต้ และ 4 อำเภอ ของสงขลา ได้แก่ หักค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า และ ค่าประปา 2 เท่า เป็นเวลา 20 ปี (เพิ่มจาก 15 ปีเป็น 20 ปี) ลดหย่อนอากรขาเข้าร้อยละ 90 สำหรับวัตถุดิบนำเข้ามาผลิต เพื่อจำหน่ายในประเทศเป็นเวลา 10 ปี (เพิ่มจาก 5 เป็น 10) ยกเว้นอากรขาเข้าวัตถุดิบและวัสดุจำเป็นสำหรับการผลิตเพื่อการส่งออก เป็นระยะเวลา 10 ปี (เพิ่มจาก 5 เป็น 10)
นอกจากนี้ ยังเพิ่มประเภทกิจการที่ยกเลิกการส่งเสริมไปแล้ว แต่เปิดให้การส่งเสริมใหม่เฉพาะในพื้นที่ 3 อำเภอ ประกอบด้วย กิจการผลิตอาหารสัตว์หรือส่วนผสมอาหารสัตว์ กิจการผลิตวัสดุก่อสร้าง และกิจการผลิตผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงสำหรับงานสาธารณูปโภค (ยกเว้นการผลิตกระเบื้องมุงหลังคาเซรามิกส์และการผลิตกระเบื้องปูพื้นหรือผนัง) กิจการผลิตสิ่งปรุงแต่งสำหรับประทินร่างกาย เช่น สบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน (ยกเว้นเครื่องสำอาง) กิจการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับสินค้าอุปโภค เช่น บรรจุภัณฑ์พลาสติก กิจการผลิตสิ่งของจากเยื่อหรือกระดาษ เช่น กล่องกระดาษ 6 กิจการพัฒนาอาคารสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมและคลังสินค้า. – สำนักข่าวไทย