ตรัง 7 มี.ค.- หนุ่มวิศวกรไฟฟ้าและภรรยาสาวเทคนิคการแพทย์ มีใจรักด้านการเกษตร นำที่ดินซึ่งเดิมจะสร้างคอนโดฯ หรู มาทำเป็นฟาร์มเกษตร 4.0 เริ่มจากปลูกผักและผลไม้ที่ชอบกิน โดยเฉพาะเมลอน ประสบความสำเร็จ ขายได้ตลอดทั้งปี ปีนี้ปลูกเพิ่มแตงโมช้างดำและช้างแสด ราคาแพงกว่าแตงโมทั่วไปถึง 3 เท่า ผลิตไม่พอขาย ลูกค้าต้องสั่งจองล่วงหน้าแบบรุ่นต่อรุ่น
ที่คีพบ๊อกซ์ เมลอนฟาร์ม ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ เจ้าของสวนคือ นายภคิน ไทรงาม อายุ 40 ปี จบวิศวกรไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ส่วนภรรยาจบเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ทั้งคู่มีใจรักด้านการเกษตร จึงนำที่ดินที่แต่เดิมคิดว่าจะสร้างคอนโดฯ หรูใจกลางเมืองตรังมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท มาเป็นฟาร์มเกษตร 4.0 แปลงเกษตรแบบผสมผสาน เมื่อประมาณ 4 ปีที่ผ่านมา โดยเริ่มปลูกผักและผลไม้ที่ชอบรับประทานก่อน โดยเฉพาะเมลอนสายพันธุ์ต่างๆ จนประสบความสำเร็จ ขายได้ตลอดทั้งปี
แต่ในปีนี้เกษตรกรนำเมล็ดพันธุ์แตงโมช้างดำ ซึ่งมีเนื้อเป็นสีแดง และช้างแสด ซึ่งมีเนื้อเป็นสีเหลือง มาปลูกไว้ในโรงเรือนกว่า 100 ต้น โดยรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ 6 แล้ว ใช้เวลาปลูกประมาณ 60-65 วัน ก็สามารถเก็บขายได้ในราคากิโลกรัมละ 45 บาท ซึ่งแพงกว่าแตงโมทั่วไปถึง 3 เท่า แต่ได้รับความสนใจจากลูกค้าจำนวนมาก จนผลิตไม่พอขายและต้องสั่งจองล่วงหน้าแบบรุ่นต่อรุ่น เพราะปลอดภัยจากการใช้สารเคมี ใช้ระบบน้ำหยด ทำให้ประหยัดน้ำและไม่มีโรคและแมลงรบกวน
แตงโมช้างแสดและช้างดำ มีข้อดีคือ เนื้อละเอียด เมล็ดลีบ สามารถกินได้ทั้งเมล็ด แถมยังเป็นยาชูกำลัง บางกรอบ หอมหวานชุ่มคอ ลงมีดแล้วลั่นแตกตามรอยมีด สามารถนำไปทำบิงชู น้ำแตงโมปั่นและอื่นๆ นำออกขายเพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าที่พลาดโอกาสซื้อเป็นลูก ส่วนผักและผลไม้อื่นๆ ยังคงเก็บขายได้ตลอดทั้งปี ที่เหลือนำมาแปรรูปเป็นไอศกรีม โยเกิร์ตและอื่นๆ สร้างรายได้รวมกันแล้วกว่า 100,000 บาท/เดือน ล่าสุด มีเมล็ดพันธุ์เมลอน แตงโมช้างแสดและช้างดำขายให้เกษตรกรที่สนใจนำไปปลูก เพื่อสร้างรายได้เสริมในช่วงหน้าแล้งปีนี้ ส่วนเกษตรกรรายใดสนใจสามารถไปศึกษาดูงานได้ฟรีทุกวัน ยกเว้นวันอาทิตย์ที่คีพบ๊อกซ์ ฟาร์ม หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-1958-1181 หรือทางเพจคีพบ๊อกซ์ ฟาร์ม จ.ตรัง ก็ได้
นายภคิน กล่าวว่า ลักษณะเด่นของช้างแสดคือเนื้อกรอบ รสชาติถูกปากลูกค้า ส่วนช้างดำเป็นแตงโมเนื้อสีแดงสามารถกินเมล็ดได้แถมเป็นยาชูกำลัง ราคากิโลกรัมละ 45 บาท ลูกค้าสามารถจองผ่านเฟซบุ๊กได้ ซึ่งปลูกในโรงเรือน ปลอดภัยจากสารเคมี มีรายได้ต่อเดือนประมาณ 100,000 บาท เกษตรกรที่สนใจสามารถติดต่อมาได้ทั้งทางโทรศัพท์หรือเฟซบุ๊ก.-สำนักข่าวไทย