วิภาวดีฯ 26 ก.พ.-อย.เปิดรับฟังความเห็นประชาชน เรื่องร่างกฎหมายเกี่ยวกับกัญชา ส่วนใหญ่เห็นว่ามีความรัดกุมเกินไป ไม่ยืดหยุ่น ทำให้ประชาชนเข้าถึงยาก เสนอให้เกษตรกรเข้าไปมีส่วนร่วมในการออกกฎหมาย กฎกระทรวงมากกว่านี้
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)จัดการประชุมชี้แจงและรับฟังความคิดเห็นต่อร่างกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฉบับที่ 7 พ.ศ 2562 ประกอบด้วย 2 ร่างประกาศ 1 กฎกระทรวง ได้แก่ ร่างประกาศกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยและหมอพื้นบ้าน,ร่างประกาศกำหนดตำรับยาที่ให้เสพเพื่อรักษาโรคและศึกษาวิจัยได้ รวมถึงร่างกฎกระทรวง การขออนุญาต และการอนุญาต ผลิตนำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครอง ซึ่งต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการยาเสพติดให้โทษ โดยมีตัวแทนภาคประชาชน เกษตรกร และจากหน่วยอานต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการใช้กัญชามาร่วมงานจำนวนมาก
ตัวแทนจาก อย.กล่าวชี้แจงรายละเอียดในร่างกฎหมายระบุว่าในช่วง 5 ปีแรก กฎหมายกำหนดให้การปลูกกัญชาและผลิตสารสกัดกัญชาของหน่วยงานภาคเอกชน สถาบันการศึกษารัฐและเอกชน รัฐวิสาหกิจ ชุมนุนสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบวิชาชีพเกษตรกรรม ต้องมีการจดทะเบียนภายใต้กฎหมาย และทำร่วมกับหน่วยงานภาครัฐเท่านั้น โดยต้องทำในกรอบกัญชาเพื่อทางการแพทย์ และมีใบอนุญาตจากคณะกรรมการยาเสพติดให้โทษ
ส่วนการปลูกการแปรรูปการสกัดการผลิตผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่เกี่ยว ข้องกับกัญชา ของหน่วยงานต่างๆ ต้องมีแผนการผลิตการจำหน่ายการใช้ประโยชน์ที่ชัดเจนเช่น การปลูกอาจมีลักษณะคอนแทคฟาร์มมิ่ง ผลิตอะไร จำนวนเท่าใดและจำหน่ายให้ผู้รับอนุญาตใด ต้องดำเนินการตามแผนการผลิต การใช้ประโยชน์ การจัดให้มีการสุ่มตรวจวิเคราะห์เพื่อหาปริมาณสารสำคัญสารปนเปื้อนโลหะหนักในกัญชา
เนื้อหาสำคัญในพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับ7) พศ.2562 ที่เกี่ยวข้องกับกัญชาทางการแพทย์ เช่น การผลิต นำเข้า ส่งออก ต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการยาเสพติดให้โทษและเลขาธิการ อย. โดยการครอบครองกัญชา ต้องอยู่ในกรอบการวิจัยทางการแพทย์ รวมถึงภาคเกษตรกรรมที่เกี่ยวข้องกับกัญชาทางการแพทย์ กรณีผู้เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 หรือกัญชากำหนดไว้ว่าสามารถเสพเพื่อรักษาโรคตามคำสั่งแพทย์ปัจจุบันและแพทย์แผนไทย โดยแพทย์ต้องมีใบอนุญาต รวมถึงแสบเพื่อศึกษาวิจัยกัญชาทางการแพทย์
หลังจากตัวแทน อย.ชี้แจงรายละเอียด เปิดโอกาสให้ภาคประชาชนแสดงความเห็นประมาณ 1 ชั่วโมง เกือบทั้งหมดระบุไปในทิศทางเดียวกันว่า ทั้งกฎกระทรวง การขออนุญาตและการอนุญาต ผลิตนำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครอง มีความรัดกุมเกินไปและไม่ยืดหยุ่น ทำให้ประชาชนเข้าถึงยาก เช่น กลุ่มเกษตรกร ในการปลูกกัญชา ที่ต้องมีการขออนุญาตหลากหลาย ขั้นตอน รวมถึงอยากให้ภาคเกษตรกรเข้าไปมีส่วนร่วมในการออกกฎหมาย กฎกระทรวงให้มากกว่านี้
ขณะที่ นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย. ) กล่าวว่า สำหรับการแสดงความคิดเห็นของประชาชนทุกภาคส่วน อย.ยินดีน้อมรับและจะนำทุกความเห็นมารวบรวมประมวลจัดหมวดหมู่ ก่อนจะนำความเห็นทั้งหมดมาทำประชาพิจารณ์อีกครั้งไนอนาคต โดยประชาชนสามารถแลดงความเห็นได้ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 1 มีนาคมนี้ ผ่านทางเว็บไซต์ https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSeRxTUlpYAU4q_5nSElRzePzMa61LSCdqrfaGD2-DIpBRGb_Q/viewform
สำหรับความคืบหน้า ร่างนิรโทษกัญชา 3 ฉบับนั้น วานนี้(25 ก.พ.) รมว.สาธารณสุข ได้ลงนามเป็นที่เรียบร้อย โดยวันนี้อยู่ระหว่างเสนอ ประกาศราชกิจจานุเบกษา .-สำนักข่าวไทย