กทม. 22 ก.พ.- เงินบาทในช่วงนี้ยังคงแข็งค่า โดยที่ผ่านมาผู้ประกอบการบอกว่า กระทบหนักส่งออกเตรียมเข้าพบแบงก์ชาติวอนช่วยเหลือดูแล แต่ในด้านผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
โดยในวันนี้ ผู้ประกอบการ บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งแถลง ผลดำเนินการ โดย กลุ่ม ปตท. ทั้ง ปตท. และ พีทีทีโกลบอลเคมิคอล หรือ จีซี ต่างได้รับผลกระทบทั้งราคาน้ำมันที่ผันผวนในปีที่แล้ว และคาดว่าจะผันผวนมาถึงปีนี้ โดยในปีที่แล้ว ราคาน้ำมันดิบไตรมาส 3 สูงมากดูไบอยู่ที่ประมาณ เกือบ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และไตรมาส 4 ก็ลดฮวบลงต่ำสุด และปิดไม่ถึง 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่งผลไตรมาส 4 บริษัทน้ำมันขาดทุนสตอกกันจำนวนมาก กลุ่ม ปตท. ซึ่งมีบริษัทในเครือทั้งบริษัทปิโตรเคมี บริษัทด้านผลิตและสำรวจปิโตรเลียม, บริษัทค้าน้ำมัน, โรงกลั่นน้ำมัน ได้รับผลกระทบ และสะท้อนมายังผลประกอบการ ปตท.ขาดทุนสตอก 11,800 ล้านบาท
โดยในส่วนของ จีซี เฉพาะไตรมาส 4 ขาดทุนสตอก กว่า 6,000 ล้านบาท ทั้งปี 61 ขาดทุนสตอก 3,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ผลดำเนินการของจีซีซึ่งมีทั้งโรงกลั่น โอเลฟินส์ อะโรเมติกส์และอื่นๆ ก็ทำกำไรสูงสุดในประวัติศาสตร์ 40,000 ล้านบาท ส่วน ปตท. กำไรสุทธิเกือบ 120,000 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ 11 อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่ ปตท.เป็นรัฐวิสาหกิจในตลาดหลักทรัพย์ ก็มีทั้งส่งเงินปันผลให้ประชาชนให้ กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้น และภาษีเงินได้ ก็ทำให้ปีนี้แม้กำไรลดลง แต่สามารถส่งเงินให้รัฐรวม 82,220 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้ว เกือบ 10,000 ล้านบาทรวมรวมแล้ว 17 ปีที่ ปตท.กระจายหุ้น ก็ส่งเงินเข้ารัฐแล้ว 880,000 ล้านบาท
ส่วนเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบระหว่างปี 60 ที่อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย 34.11 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และปี 61 ที่อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย 32.41 บาท/ดอลลาร์ แม้บริษัทขนาดใหญ่จะมีกลไกในการบริหารจัดการความเสี่ยง แต่ก็ส่งผลให้ได้รับผลกระทบเช่นกันจีซี มีกำไรอัตราแลกเปลี่ยนเหลือ 400 ล้านบาท จากปี 60 มีกำไรถึง 2,300 ล้านบาท ส่วน ปตท.ก็ได้รับผลกระทบในส่วนนี้ประมาณ 7,300 ล้านบาทเช่นกัน
กลุ่ม ปตท.ระบุด้วยว่า กำไรที่ได้นอกจากจะปันผลผู้ถือหุ้นแล้ว ยังทำโครงการคืนกำไรสู่สังคมและลงทุนตามนโนยบายภาครัฐ โดยลงทุนในโครงการเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซีทั้งกลุ่ม 5 ปีข้างหน้า 2 แสน 6 หมื่นล้านบาท ส่วนราคาน้ำมันตลาดคาดปีนี้ผันผวนหนักจากสงครามการค้า ในขณะที่สหรัฐผู้ผลิตน้ำมันจากหินดินดานจะเป็นตัวกดดันทำให้ราคามันไม่พุ่งสูงขึ้น คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดโลก อีก 5 ปีข้างหน้า จะไม่ต่ำกว่า 60-80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ในปี 2562 จะอยู่ที่ 60-70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และจากราคาน้ำมันที่ต่ำก็จะทำให้ การใช้น้ำมันของไทยยังคงเพิ่มขึ้น ทุกค่ายจะขยายปั๊ม เช่น พีทีคาดปีนี้จะขยายปั๊มเพิ่มเติมให้ครบ 2,000 แห่งและรักษาส่วนแบ่งตลาดอันดับ 2 เอาไว้ให้ได้ ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายปลีกน้ำมันและรายได้ปีนี้โตร้อยละ 20
ในแง่ผลกระทบการส่งออกนอกจากเงินบาทที่แข็งค่าที่ 2-3 วันก่อน แตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 5 ปี 31.07 บาทต่อดอลลาร์นั้นทางผู้ส่งออกก็เตรียมเคลื่อนไหวเข้าพบแบงก์ชาติให้เข้ามาดูแล โดยประเด็นนี้ บวกกับผลกระทบ สงครามการค้า จีน-สหรัฐ ก็ทำให้ตัวเลขการส่งออกเดือนมกราคม มีมูลค่า 18,993.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดลบร้อยละ 5.65 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 สหรัฐ
ทางกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจะมีการประชุมร่วมกับภาคเอกชนที่จะประเมินทิศทางการส่งออกในช่วงไตรมาส 1 รวมถึงหารือถึงปัญหาต่างๆ ในวันที่ 25 ก.พ.นี้ ซึ่งคงจะทบทวนด้วยว่าทั้งปีจะส่งออกได้ตามเป้าร้อยละ 8 หรือไม่ โดยผลกระทบสงครมการค้าที่ผ่านมากระทบการส่งออกไทย 240 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งออกไปจีนลดลงไปแล้วร้อยละ 16.07 แต่ก็ส่งออกไปสหรัฐเพิ่มร้อยละ 8.3.-สำนักข่าวไทย