RATCH รอลุ้นประมูล 2 โรงไฟฟ้าตะวันตก


กรุงเทพฯ 20 ก.พ. – บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง
(
RATCH) รอลุ้นประมูล 2 โรงไฟฟ้าภาคตะวันตก
พร้อมวางเป้าหมายกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 10,000 เมกะวัตต์ในปี 2566


นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่
บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (
RATCH) 
กล่าวว่า โรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้
ซึ่งบริษัทถือหุ้นทั้งหมด ขนาด 700 เมกะวัตต์ ที่อยู่ใน จ.ราชบุรี จะหมดอายุในปี
2563 นั้น ทางกระทรวงพลังงานจะไม่ต่ออายุในส่วนนี้ให้  โดยจะเป็นการเปิดประมูลโรงไฟฟ้าใหม่ในภาคตะวันตกเข้ามาทดแทน
2 โรง ๆ ละ 700 เมกะวัตต์ จะเข้าระบบในปี 2566 และ 2567
ซึ่งกำลังผลิตจะไปช่วยเสริมความมั่นคงในภาคใต้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่โรงไฟฟ้าใหม่ยังไม่แล้วเสร็จ
ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
อยู่ระหว่างเร่งสร้างระบบส่งเพื่อส่งไฟฟ้าไปใช้ในภาคใต้มากขึ้น
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าโกลว์ เอสพีพี 1 ทางบริษัทยังไม่ได้ยื่นข้อเสนอแต่อย่างใด
จากที่มีข่าวว่าบริษัทแสดงความสนใจ
และคาดว่าโกลว์จะตัดสินใจว่ารายใดจะเป็นผู้รับซื้อภายในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้

ส่วนความคืบหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำเซเปียน-เซน้ำน้อย
ใน สปป.ลาว ที่มีปัญหาเขื่อนย่อยแตกนั้น ยังคาดว่าจะสามารถผลิตไฟฟ้าเข้าระบบหรือ
COD
ได้ในปลายปี 2562 จากกำหนดเดิมในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ล่าสุดอยู่ระหว่างรอให้รัฐบาลลาวสรุปสาเหตุก่อนที่จะเริ่มดำเนินการอย่างไรต่อไป
แต่โครงการดังกล่าวมีประกันครอบคลุมทั้งการประกันความเสี่ยงภัยทุกชนิดของผู้รับเหมา
การประกันภัยความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก
และการประกันภัยจากการเริ่มดำเนินงานล่าช้า


“บริษัทกำหนดเป้าหมายกำลังผลิตไฟฟ้าเทียบเท่าปี
2566 ที่ 10,000 เมกะวัตต์นั้น เชื่อว่าจะช่วยผลักดันให้กำไรปรับตัวเพิ่มขึ้น
โดยมีความคาดหวังจะได้ดีล
M&A ที่ COD แล้วเข้ามาชดเชยรายได้ที่ลดลงของโรงไฟฟ้าเก่า
หรือโรงไฟฟ้าของบริษัทที่ใกล้จะหมดอายุ” นายกิจจา กล่าว

ปัจจุบันบริษัทมีกำลังผลิตไฟฟ้าในมือ 7,639.12
เมกะวัตต์ แบ่งเป็นกำลังผลิตที่เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์  แล้ว 6,863.25 เมกะวัตต์ ขณะที่ปีนี้วางเป้าเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าในมือเป็น
8,960 เมกะวัตต์ หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 1,321 เมกะวัตต์
โดยส่วนใหญ่คาดว่าจะมาจากโรงไฟฟ้าภาคเอกชนขนาดใหญ่ (
IPP) ซึ่งคาดหวังการได้รับโอกาสผลิตไฟฟ้า
IPP โรงไฟฟ้าตะวันตกใหม่ที่รัฐบาลจะเปิดประมูล 2
โรงแทนไตรเอนเนอจี้ รวมถึงยังคาดหวังดีลซื้อกิจการ (
M&A) ในต่างประเทศ
1-2 โครงการ  ขณะเดียวกันปีนี้จะมีกำลังผลิตไฟฟ้าในมือที่จะ
COD เพิ่มขึ้น 179.73 เมกะวัตต์ มาจาก 3 โครงการ
ได้แก่ โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์คอลลินส์วิลล์ ในออสเตรเลีย
,โรงไฟฟ้าเบิกไพรโคเจนเนอเรชั่น
และ โรงไฟฟ้าพลังน้ำเซเปียน-เซน้ำน้อย ในลาว
ตลอดจนยังมองโอกาสการมีกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ตามร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาวของประเทศ
ปี 2561-2580 (
PDP2018)

นอกจากนี้ กำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่เทียบเท่าที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ยังจะมาจากระบบโครงข่ายสื่อสาร
คมนาคมขนส่งทางรางด้วย โดยปัจจุบันมีความร่วมมือกับบมจ.เอแอลที เทเลคอม (
ALT)
ในโครงการโครงข่ายสายใยแก้วนำแสงใต้ดินในไทยและมองโอกาสที่จะขยายไปยัง
สปป.ลาวด้วย รวมถึงความร่วมมือของกลุ่ม
BSR ที่มีผู้ร่วมทุนคือบริษัท
,บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์
คอนสตรัคชั่น (
STEC) และ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง (BTS) ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพู
แต่ก็มีโอกาสในโครงการรถไฟฟ้าที่จะเปิดประมูลใหม่ ๆ ด้วย ตลอดจน
BSR ยังมีแผนจะร่วมกับพันธมิตรที่เชี่ยวชาญด้านการบินเพื่อร่วมประมูลโครงการพัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา
และเมืองการบินภาคตะวันออก

สำหรับผลการดำเนินงานปี 2561 บริษัทมีกำไร 5,590
ล้านบาท ลดลงร้อยละ 7.5 จากปี 2560 หากไม่นับรวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน
บริษัทมีกำไร 6,450 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.5 จากปี 2560 สำหรับรายได้รวม 45, 000
ล้านบาท. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย