ขอนแก่น 18 ก.พ. – เกษตรกรชาวบ้านสำราญ ต.ศรีสุขสำราญ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น เปิดเทคนิคปลูกผักหวานป่า 1 ปี เก็บผลผลิตได้ ขายกิโลกรัมละ 250 บาท
สุพจน์ พิมพิสาร อายุ 46 ปี เกษตรกรชาวบ้านสำราญ ตำบลศรีสุขสำราญ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น เปลี่ยนไร่มัน ไร่อ้อย ป่ายูคาลิปตัน 23 ไร่ ให้เป็นสวนป่าตั้งแต่ปี 2549 หลังกลับจากไปขายแรงงานที่กรุงเทพฯ นับสิบปี ระหว่างอยู่กรุงเทพฯ ชอบอ่านหนังสือด้านการเกษตร จึงพอมีความรู้การทำเกษตร เมื่อกลับมาบ้านสิ่งแรกที่ทำคือเริ่มฟื้นฟูดิน โค่นป่ายูคาลิปตัส ปลูกต้นไม้ ทั้งไม้สัก, สะเดา ขี้เหล็ก ยางนา พะยูง ทำตามศาสตร์พระราชา และที่ดินเป็นที่ดอน น้ำพัดหน้าดินไปหมด จึงปลูกหญ้าแฝกรักษาหน้าดิน ใบไม้ที่ร่วงหล่นไม่เผา ไม่กวาด ปล่อยให้ใบไม้ห่มดิน ฟื้นฟูสภาพดินใส่ปุ๋ยคอก นานถึง 4 – 5 ปี จึงเริ่มปลูกพืชผัก พืชที่สร้างรายได้ช่วงฤดูแล้งนี้คือ ผักหวานป่าที่ปลูกไว้ 300 ต้น โดยผ่านการลองผิดถูกกว่า 2 ปี จึงรู้เทคนิคการปลูก
เทคนิคการปลูกผักหวานป่าของสุพจน์ คือ เริ่มตั้งแต่การเตรียมดิน ยกร่องกว้าง 4 เมตร เพื่อปลูกพืชพี่เลี้ยง สำหรับพื้นที่นี้พืชที่เหมาะคือ ตะขบ และมะขามเทศ เพราะทนโรค โตไว สามารถปลูกพร้อมกับผักหวานป่าได้เลย แต่ต้องมีสแลนกรองแสงคลุม หรือปลูกพืชพี่เลี้ยงก่อน 1 เดือน จึงปลูกผักหวานป่าตาม
การเลือกซื้อต้นกล้ามาปลูก อย่าซื้อต้นกล้าที่เพาะไว้ข้ามปี เพราะต้นกล้าข้ามปีรากจะขดในถุง ทำให้รากไม้แข็งแรง หากซื้อต้นกล้าช่วงที่รากงอกจากเมล็ด และเมล็ดยังไม่หลุดจากต้นจะดีมาก เพราะอัตราการรอดสูง ช่วงเวลาที่เหมาะในการซื้อต้นกล้ามาปลูก คือ ช่วงเดือนเมษายน-กรกฎาคม ควรซื้อต้นกล้าจากสวนที่เชื่อถือได้
วิธีปลูกที่สุพจน์ปลูกมี 2 แบบ คือ ปลูกจากการเพาะเมล็ด และต้นกล้า วิธีปลูกจากเมล็ด (ต้นผักหวานป่าเมล็ดเริ่มสุกปลาย เม.ย.) นำเมล็ดที่สุกมาล้างเยื้อหุ้มเมล็ดออกให้หมด จากนั้นผึ่งลม (ห้ามตากแดด) 2 วัน แล้วนำไปเพาะในแกลบดำหรือขุยมะพร้าว รดน้ำให้ชุ่มราว 15 วัน จะเกิดราก เมื่อเกิดรากนำไปปลูกลงดินได้เลย ปลูกห่างพืชพี่เลี้ยง 1 ฟุต ไม่ต้องขุดหลุมลึก แค่นำเมล็ดจิ้มลงดิน ดินกลบรอบๆ เมล็ด ให้เมล็ดโผล่พ้นดิน จากนั้นหาหิน ไม้ไผ่มาล้อม ป้องกันไก่มาจิก วิธีปลูกจากต้นกล้า ปลูกห่างพืชพี่เลี้ยง 1 ฟุต ขุดหลุมให้ลึกเท่าความยาวถุงต้นกล้า อย่าให้ดินแตกเพราะรากจะขาด นำต้นกล้าลงดิน ทั้งสองวิธี รดน้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
ผักหวานปลูกราว 1 ปี ก็เก็บผลผลิตได้ ช่วงนี้สุพจน์เก็บผักหวานป่าได้วันละ 1 กิโลกรัม ขายกิโลกรัมละ 250 บาท สุพจน์ยังมีรายได้จากการเพาะต้นกล้าผักหวานป่า และตอนกิ่งผักหวานป่าขาย
สุพจน์ บอกว่า ผักหวานป่าเป็นเรื่องเก่า แต่เป็นเรื่องใหม่ของชาวบ้านบริเวณนี้ เพราะแถบนี้ปลูกพืชเชิงเดี่ยวคือ ไร่มัน และไร่อ้อย ตนจึงใช้สวนของตัวเองเป็นที่เรียนรู้การทำเกษตรผสมผสาน ปัจจุบันมีเกษตรกรราว 30 ราย รวมกลุ่มปลูกผักหวานป่ารวมประมาณ 2,500 ต้น เพื่อปลูกกินและปลูกขาย โดยมีเกษตรตำบลส่งเสริมการรวมกลุ่ม ช่วงฤดูฝน สุพจน์จะมีรายได้จากหน่อไม้ ใบหม่อน ดักแด้ และเห็ด
ในสวนของสุพจน์ ยังปลูกมะนาว มะม่วง ใบหม่อน ไผ่ พืชผักสวนครัว มีการปลูกหญ้าแฝกกระจายทั่วสวน เพื่อแก้ปัญหาน้ำพัดหน้าดิน ปัจจุบันสวนป่าของสุพจน์เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ เป็นศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาที่ดิน. – สำนักข่าวไทย