fbpx

ทิศทางการเมืองไทย

กทม. 9 ก.พ.-หลังจากเกิดเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์การเมืองไทย นักวิชาการด้านการเมือง วิเคราะห์ว่า จากนี้ไปบรรยากาศการเลือกตั้งจะดีขึ้น เพราะทุกฝ่ายได้มีบทเรียนจากการกระทำที่เกิดขึ้น แต่ทิศทางการเมืองไทยเรื่องแบ่งขั้วหรือแบ่งสีอาจจะกลับมาอีกครั้ง

ความเคลื่อนไหววันสุดท้ายของการสมัครรับเลือกตั้ง หลายเหตุการณ์ต้องถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของการเมืองไทย สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นปรากฏการณ์ที่คาดไม่ถึง ซึ่งไม่เพียงแต่อยู่ในความสนใจของคนไทยเท่านั้น แต่ยังถูกจับจ้องจากสายตาของคนทั่วโลกด้วย

เพราะทันทีที่พรรคไทยรักษาชาติ ยื่นเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีต่อ กกต. ทำให้เกิดคำถามขึ้นมากมายกับสังคม มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ทั้งยังการตั้งคำถามชวนสงสัยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเข้าข่ายขัดต่อบทบัญญัติกฎหมายหรือไม่ โดยมีการนำไปเทียบเคียงกับระเบียบของ กกต. ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ที่ห้ามผู้ใดนำสถาบันมาเกี่ยวข้องกับการหาเสียง และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญปี 2543 ที่ให้พระบรมวงศานุวงศ์ ตั้งแต่ชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไปโดยกำเนิดหรือจากการแต่งตั้ง ย่อมดำรงอยู่เหนือการเมืองและความเป็นกลางทางการเมือง

ที่สุดแล้วเมื่อมีประกาศพระราชโองการในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เรื่อง สถาบันพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ทุกอย่างกลับชัดเจน ยุติความขัดแย้งและสิ้นข้อสังสัยในช่วงข้ามคืน



นักวิชาการมองว่า ต้นเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นมาจากความพยายามของนักการเมืองที่ต้องการชัยชนะในการเลือกตั้ง โดยใช้ความได้เปรียบในตัวบุคคล ไม่คำนึงถึงความรู้สึกและบริบทของสังคมไทย จึงทำให้เกิดปัญหา แต่เมื่อมีพระราชโองการแล้วสถานการณ์ได้คลี่คลายลง ทั้งนี้สิ่งที่น่าห่วงคือความรู้สึกของคนที่ถูกปลุกที่ถูกแบ่งเป็น 2 ขั้วทางการเมืองชัดเจนจะถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง กลับสู่วังวนเดิม

นักวิชาการชื่อดัง ยังประเมินว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะส่งผลให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง แม้จะยังไม่สามารถวัดได้จากคะแนนเสียง แต่เป็นเรื่องของความรู้สึกของคน แต่เชื่อว่าหลังจากนี้บรรยากาศในช่วงเลือกตั้งจะดีขึ้น จากบทเรียนที่พรรคการเมืองได้รับ ในเรื่องสำคัญที่ไม่กระทำการณ์ใดๆ นอกเหนือความคาดหมายกระทบจิตใจคน นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเลือกตั้งที่ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี นับจากนี้ยังมีเวลาอีกว่า 43 วัน ที่คอการเมืองยังต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เศร้ารับวันแรงงาน! โรงงานประกาศปิดกิจการกะทันหัน

พนักงานโรงงานผลิตกระจกเก่าแก่ใน อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ยื่นคำร้องต่อสำนักงานสวัสดิการฯ จ.สมุทรปราการ ให้นายจ้างจ่ายชดเชยตามกฎหมาย หลังโรงงานติดประกาศปิดกิจการและเลิกจ้างพนักงานทั้งหมด

“อธิบดีกรมโรงงาน” ลาออกแล้ว ไม่รอเกษียณ 30 ก.ย.นี้

“จุลพงษ์ ทวีศรี” อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ยื่นหนังสือลาออก ไม่รอเกษียณ 30 ก.ย.นี้ เจ้าตัวเผยน่าจะมีความเหมาะสมที่สุดแล้ว ผู้บริหารจะได้หาคนใหม่มาปฏิบัติหน้าที่แทน

ข่าวแนะนำ

“พิมพ์ภัทรา” ขอโทษชาว อ.ภาชี เหตุสารเคมีรั่ว-ไฟไหม้

รมว.อุตสาหกรรม ขอโทษชาว อ.ภาชี เหตุสารเคมีรั่วไหลและไฟไหม้ รับปากจะเร่งกำจัดสารเคมีโดยเร็วที่สุด พร้อมบูรณาการความร่วมมือฝ่ายปกครองและความมั่นคง เฝ้าระวังเข้มงวด หวั่นผู้ก่อเหตุใช้ “ภาชีโมเดล” เป็นต้นแบบเผาทำลายหลักฐาน

เร่งสอบหลวงตาลองของขลัง ราดน้ำกรดใส่มือเด็ก เจ็บ 5 คน

ตำรวจและคณะสงฆ์เร่งสอบข้อเท็จจริงหลวงตาลองของ ให้เด็กกำพระผงราดน้ำกรด ทดสอบความขลัง บาดเจ็บ 5 คน เด็กบอกกำพระแน่น แต่ปวดแสบปวดร้อน

รัฐมนตรีใหม่เข้าทำเนียบฯ ตรวจ RT-PCR

รัฐมนตรีใหม่ทยอยเข้าทำเนียบฯ ตรวจ RT-PCR เตรียมความพร้อมก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณพรุ่งนี้ ด้าน “พิชัย” ปฏิเสธให้สัมภาษณ์สื่อ บอกไม่จำเป็นต้องดูห้องทำงานรองนายกฯ บนตึกบัญชาการ เพราะคุ้นเคยอยู่แล้ว

อากาศร้อนจัด “รางรถไฟโก่งคด” ช่วงร่อนพิบูลย์ 

การรถไฟฯ ชี้แจงเหตุรางรถไฟระหว่างสถานีร่อนพิบูลย์ – สถานีชุมทางเขาชุมทองมีลักษณะคดงอ เกิดจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด สามารถแก้ไขและเดินขบวนรถได้ตามปกติ