ตรัง 6 ก.พ.- หนุ่มตรังวัย 41 ปี จบการศึกษาแค่ชั้น ป.6 แต่ใจรัก นกปรอดหัวโขน หรือนกกรงหัวจุก มาตั้งแต่เด็ก สะสมประสบการณ์จนมีความรู้แตกฉาน ก่อนเพาะพันธุ์นกขายจริงจัง พัฒนาผสมข้ามสายพันธุ์ ให้สีสันและลักษณะโดดเด่น เสียงร้องไพเราะน่าฟังมากขึ้น สร้างรายได้กว่า 20,000 บาท/เดือน
นายวิวัฒน์ ปราบเสร็จ อายุ 41 ปี อยู่บ้านในหมู่ที่ 8 ต.หาดสำราญ อ.หาดสำราญ จ.ตรัง ซึ่งจบการศึกษาแค่ชั้น ป.6 แต่ด้วยความที่มีใจรักนกปรอดหัวโขน หรือนกกรงหัวจุก มาตั้งแต่เล็ก จึงสะสมประสบการณ์จนมีความรู้แตกฉานเกี่ยวกับสายพันธุ์ของนกกรงหัวจุก และไปขออนุญาตกับสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเพาะพันธุ์สัตว์สงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2557 จากนั้นจึงเพาะขยายพันธุ์อย่างจริงจัง โดยมีการผสมข้ามสายพันธุ์นกกรงหัวจุก เพื่อให้สีสันและลักษณะโดดเด่น เสียงร้องไพเราะน่าฟังมากขึ้น โดยมีทั้งสีเหลืองหน้านวลบอร์เนียว หน้านวลคอแดง ปรอดก้นเหลือง ปรอดก้นแดงและอื่นๆ เกือบ 100 ตัว ส่วนหนึ่งปล่อยคืนสู่ธรรมชาติเพื่อเพิ่มประชากรนกไม่ให้สูญพันธุ์ และเปิดเป็นฟาร์มเพาะนกกรงหัวจุกรายแรกใน อ.หาดสำราญ จ.ตรัง
ส่วนลูกนกที่ได้เมื่อมีจำนวนมากขึ้น จึงต้องทำกรงขนาดใหญ่บนเนื้อที่เกือบ 1 ไร่ เพื่อจำลองให้เป็นป่าธรรมชาติ และปล่อยให้นกกรงหัวจุกบินได้อย่างอิสระ ส่วนพ่อแม่พันธุ์แยกไว้ในกรงขนาดย่อม หลังฟักไข่จนได้ลูกนกแล้ว จึงปล่อยให้ออกไปบินได้ ซึ่งแต่ละเดือนจะได้ลูกนกกรงหัวจุกตั้งแต่ 25-30 ตัว เลี้ยงไว้ประมาณ 20-30 วัน ก็สามารถขายได้ในราคาตั้งแต่ตัวละ 3,500-10,000 บาท ขึ้นอยู่กับความสวยงาม โดยขายผ่านทางเฟซบุ๊กชื่อ “วัฒน์ ลูกผสม” มานานเกือบ 5 ปีแล้ว ทำเงินรายได้กว่า 20,000 บาท/เดือน หรือปีละกว่า 200,000 บาทเลยทีเดียว
นายวิวัฒน์ ปราบเสร็จ เจ้าของฟาร์มนกกรงหัวจุกรายแรกใน อ.หาดสำราญ จ.ตรัง กล่าวว่า ส่วนใหญ่ตนจะเพาะพันธุ์นกปรอดลูกผสม ซึ่งตอนนี้มีอยู่กว่า 100 ตัว และมีห่วงติดขาจากกรมป่าไม้อยู่กว่า 80 ตัว ซึ่งได้ขออนุญาตอย่างถูกต้องมานานแล้ว โดยแต่ละเดือนจะสามารถเพาะลูกนกได้สูงสุดถึง 30 ตัว ราคาขายอยู่ที่ตัวละ 3,500-10,000 บาทขึ้นไป ซึ่งลูกนกอายุ 1 เดือน ก็สามารถขายได้แล้ว และส่วนใหญ่เป็นลูกค้าขาประจำที่สั่งซื้อทางโลกออนไลน์.-สำนักข่าวไทย