นนทบุรี 1 ก.พ. – อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญายืนยันทั้ง 13 คำขอที่ขอรับสิทธิบัตรที่มีสารสกัดกัญชาธรรมชาติไม่มีสิทธิยื่นขอรับหลังกฎหมายยาเสพติดให้โทษปลดล็อคก็ตาม
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า จากการที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้รับนโยบายเป็นกรณีเร่งด่วนให้ดำเนินมาตรการด้านสิทธิบัตรเป็นกรณีพิเศษตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 1/2562 สำหรับคำขอสิทธิบัตรสารสกัดจากกัญชาธรรมชาติที่นักวิชาการหรือนักวิจัย มีความห่วงกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อการวิจัยด้านการแพทย์ โดยขณะนี้กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ดำเนินการกับคำขอรับสิทธิบัตรทั้ง 13 คำขอที่ค้างไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม กรมฯ ได้ดำเนินการก่อนมีคำสั่ง คสช.ประกาศออกมาให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาจำหน่ายคำขอออกจากระบบ แต่เนื่องจากผู้ขอรับสิทธิบัตรไม่มาดำเนินการตามกฎหมาย 3 คำขอ และกรมฯ ได้แจ้งผลปฏิเสธคำขออีก 3 คำขอ รวมเป็น 6 คำขอ และที่เหลืออีก 7 คำขอค้างการพิจารณา แต่เมื่อคำสั่ง คสช. มีผลบังคับเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2562 กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ดำเนินการเป็นกรณีเร่งด่วน โดยได้สั่งยกคำขอรับสิทธิบัตรที่มีสารสกัดกัญชาธรรมชาติทั้ง 13 คำขอแล้ว ถ้าผู้ขอรับสิทธิบัตรไม่อุทธรณ์ใด ๆ ก็จะสั่งยกคำขอดังกล่าวต่อคณะกรรมการสิทธิบัตรภายในกำหนดเวลา 60 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง จะถือว่าคำสั่งของอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาเป็นที่สุดตามกฎหมาย
“คำขอรับสิทธิบัตรที่ประกาศโฆษณาแล้วและถูกสั่งยกคำขอไปจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา ผู้ขอรับสิทธิบัตรจะนำการประดิษฐ์นั้นมายื่นขอรับสิทธิบัตรใหม่อีกไม่ได้ เพราะได้มีการเปิดเผยสาระสำคัญหรือรายละเอียดไว้ตามข้อกำหนดในกฎหมายสิทธิบัตร ทำให้การประดิษฐ์ตามคำขอรับสิทธิบัตรนั้นขาดความใหม่ ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การขอรับความคุ้มครองสิทธิบัตร” นายทศพล กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ภายหลังจะมีกฎหมายยาเสพติดให้โทษที่ปลดล็อคให้สามารถนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์มีผลใช้บังคับ และทำให้บางส่วนของคำสั่ง คสช. สิ้นผลไปจะไม่กระทบต่อการดำเนินการที่ผ่านมาแล้ว เนื่องจากคำสั่ง คสช.กำหนดไว้ต้องดำเนินการกับคำขอที่ค้างจนกว่าจะเสร็จสิ้น แม้ว่าผู้ขอรับสิทธิบัตรจะใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งยกคำขอดังกล่าวภายหลังจากกฎหมายปลดล็อคมีผลใช้บังคับแล้วก็ตามจะไม่สามารถมายื่นพิจารณาภายหลังได้ ดังนั้น กรมทรัพย์สินทางปัญญาขอให้ความมั่นใจจะดำเนินการตามคำสั่ง คสช.อย่างตรงไปตรงมาและถูกต้องตามกฎหมายอย่างจริงจังต่อไป.-สำนักข่าวไทย