กทม. 1 ก.พ.- บชน.เพิ่มมาตรการเชิงรุกแก้ฝุ่นพิษ เพิ่มชุดเคลื่อนที่ตรวจจับควันดำ เล็งเสนอปรับค่าควันดำรถจากร้อยละ45 เหลือร้อยละ 30
พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. ประชุมหารือกำหนดมาตรการเชิงรุกลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่เกินค่ามาตรฐานในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล มี พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. และ ข้าราชการตำรวจในสังกัด รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง อาทิ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. , กรมขนส่งทางบก , สมาคมรถบรรทุก , ขสมก. , รถร่วมบริการ , การโยธา กทม. , และบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟฟ้าทุกเส้นทาง ร่วมประชุมเพื่อปัญหา
ผบช.น. กล่าวว่า มาตรการที่ดำเนินการอยู่แล้วและจะต้องดำเนินการต่อคือ การตรวจจับรถควันดำ ที่ผ่านมาจับกุมแล้วกว่า 6,537 ราย แต่ยังพบรถควันดำที่หลบเลี่ยงเข้ามา จึงจัดชุดสายตรวจวัดควันดำเพิ่มอีก 5 ชุดพร้อมอุปกรณ์ลงพื้นที่ทันที เพื่อให้บริการตรวจสอบรถของผู้ประกอบการหรือหน่วยงานที่ร้องขอ หากมีควันดำเกินมาตรฐานต้องไม่นำมาวิ่งบนถนน พร้อมเชิญผู้ประกอบการก่อสร้างที่มีผลกระทบกับการจราจรมาพูดคุย เพื่อขอให้กำกับดูแลเกี่ยวกับการคืนพื้นผิวการจราจรปรับแผนการก่อสร้างเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบผิวจราจร กำหนดช่วงเวลาการก่อสร้าง โยมอบหมาย รอง ผบก.จร.ลงไปควบคุมการปฎิบัติแต่ละ สน.เพื่อประสานกับผู้รับเหมา ส่วนรถ ขสมก.และรถร่วมบริการ ตรวจรถที่มีควันดำไม่ให้ออกมาใช้ทาง,ปรับลดจำนวนรถให้เหมาะสมแต่ละเส้นทาง ,กำหนดมาตรการทางการปกครองกับผู้ประกอบการ หรือผู้ขับรถกรณีฝ่าฝืนนำรถที่ไม่ได้มาตรฐานมาใช้ ส่วนผู้ประกอบการที่ต้องใช้รถบรรทุก ต้องไม่ฝ่าฝืนนำรถบรรทุกเข้ามาในช่วงเวลาเร่งด่วน ,ลดจำนวนรถและจำนวนเที่ยวของการใช้รถให้มากที่สุด พร้อมประสานกับบริษัทในเครือเพื่อใช้รถร่วมกัน ,ปรับไปใช้น้ำมันเบนซินเพื่อขนส่งสินค้าแทนน้ำมันดีเซล
สำหรับมาตรการใช้รถวันคู่วันคี่นั้น ยอมรับว่าจะต้องมีการพิจารณาร่วมกันหลายหน่วยงานเพราะกระทบกับหน่วยงานหลายภาคส่วน หากจะมีการ นำมามาใช้จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาร่วมกัน
ผบช.น.ยอมรับว่ามีแนวคิดเสนอให้ลดเกณฑ์ในการตรวจวัดควันดำจากเดิมรถที่มีความผิดจะต้องดำเกินกว่าร้อยละ 45 ให้เหลือร้อยละ 30 โดยมีการเสนอแนะนำมาบังคับใช้ซึ่งจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมควบคุมมลพิษ กรมการขนส่งทางบก เนื่องจากเกี่ยวพันกับข้อกฎหมาย เพื่อใช้เป็นแนวปฎิบัติเดียวกัน ส่วนมาตรการต่างๆที่ดำเนินการอยู่จะลดปริมาณฝุ่นละอองได้มากน้อยเพียงใดนั้น ส่วนตัวหากผู้ประกอบการทุกภาคส่วนช่วยกันทุกด้าน เชื่อว่าสามารถลดได้มาก เพราะสาเหตุหลักของการเกิดฝุ่นละอองกว่าร้อยละ 60 ยังคงมาจากควันจากท่อไอเสียและเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลที่เกิดการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์.-สำนักข่าวไทย