กรุงเทพ ฯ 22 ม.ค. – บล.เอเชีย เวลท์ คาดเป้าหมายหุ้นไทยปีนี้ 1,810 จุด คาดกำไรสุทธิโตร้อยละ 6
นางวชิราลักษณ์ แสงเลิศศิลปชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า ประมาณการดัชนีหุ้นไทยสิ้นปี 2562 ที่ 1,810 จุด โดยคาดว่าในช่วงไตรมาส 1/2562 ตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับขึ้นได้ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ( Rally before Election) คาดว่าจะมีการเลือกตั้งภายในเดือนมีนาคมนี้ และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะอยู่ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม พร้อมยังคาดหวังพิธีบรมราชาภิเษกเกิดขึ้นหลังเลือกตั้ง ประเทศไทยจะมีบรรยากาศรื่นเริงเฉลิมฉลองเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศให้เติบโตดีขึ้นในช่วงไตรมาส 1-2
ส่วนปัจจัยลบต่างประเทศน่าจะคลี่คลายลงในปีนี้ โดยสงครามทางการค้าระหส่างสหรัฐ-จีน น่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นก่อนกำหนดเส้นตายวันที่ 1 เมษายนนี้ ขณะที่เรื่องการแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจากยุโรป (Brexit) มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นน้อย คาดว่าอังกฤษจะยืดกำหนดเส้นตายออกไปจาก 29 มีนาคม 2562 ขณะที่ดอกเบี้ยสหรัฐคาดว่าจะปรับขึ้น 1-2 ครั้งในปีนี้ในช่วงครึ่งปีหลัง ส่วนดอกเบี้ยไทย คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.อาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยตามธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพียง 1 ครั้งเท่านั้น เพราะค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเร็วมาก
ส่วนอัตราการเติบโตของการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียน คาดว่าโตร้อยละ 6 คาดการณ์ราคาต่อกำไรสุทธิที่ 16 เท่า โดยหุ้นที่แนะนำ คือ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการปรับตัวสู่โลกยุคดิจิทัล เช่น BEM , BCH, GPSC, KCE, KKP และ TU
ส่วนหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบจากการที่คณะรัฐมนตรีให้นำค่ารักษาพยาบาลและเวชภัณฑ์เป็นสินค้าควบคุม ยอมรับว่าที่ผ่านมาราคาหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลได้ปรับลดลงมามาก เพราะจะมีผลกระทบต่อรายได้และกำไรปรับลดลง ซึ่งนักลงทุนควรรอให้ราคาหุ้นพักฐานอีกระยะหนึ่ง แต่หากมองเป็นการลงทุนระยะยาวยังน่าสนใจ เพราะแนวโน้มธุรกิจเติบโต แผนการดำเนินงานของโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือการแพทย์และเวชภัณฑ์ใหม่ ๆ รองรับสังคมผู้สูงอายุ โดยแนะนำหุ้นบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ราคาเป้าหมาย 30 บาท และบริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH ราคาเป้าหมาย 22 บาท
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS ประเมินว่าให้ติดตามความชัดเจนในการกำหนดวันเลือกตั้ง ทั้งนี้ มองว่าหากทุกอย่างชัดเจนจะส่งผลให้ภาพรวมของเศรษฐกิจปี 2562 มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 4-4.2 โดยอ้างอิงภายใต้หากมีการเลือกตั้งระดับประเทศและท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งจะส่งผลให้มีเม็ดเงินสะพัดในช่วงการเลือกตั้งเพิ่มขึ้นกว่า 30,000 ล้านบาท ผลักดันให้จีดีพีเพิ่มขึ้นจากเดิมได้อีกร้อยละ 0.3 โดยคาดว่าดัชนีหุ้นไทยจะกลับมาสามารถยืนในแดนบวก และเคลื่อนไหวแบบแกว่งตัวขาขึ้น โดยมีแรงหนุนจากแรงซื้อกลับจากนักลงทุนต่างชาติ. – สำนักข่าวไทย