น่าน 3 ก.ย. – “เกษตรสร้างชาติ” วันนี้ พาไปดูการเลี้ยงนกกระทาอารมณ์ดีที่เมืองน่าน ซึ่งกลายเป็นอาชีพที่พลิกชีวิตของหนุ่มคนหนึ่งที่ไปขายแรงงานในเมืองใหญ่ แต่สุดท้ายก็กลับคืนสู่วิถีชีวิตแบบพอเพียง ด้วยการเลี้ยงนกกระทา ซึ่งขายได้ตั้งแต่ไข่ เนื้อ ไปจนถึงลูกนกและขี้นก สร้างรายได้เดือนละหลายหมื่นบาท
เสียงเพลงจากวิทยุเครื่องเก่าที่ดังลอดออกมาจากโรงเลี้ยงนกกระทา หลังบ้านของ นภดล บุญทา หรือ “ท็อป” หนุ่มวัย 30 ปี ในหมู่บ้านส้อ ต.เปือ อ.เชียงกลาง จ.น่าน นอกจากสร้างความเพลิดเพลินให้เขาแล้ว ยังรวมถึงนกกระทากว่า 4,000 ตัว ที่เลี้ยงไว้สำหรับขายไข่ เพราะเชื่อว่า เมื่อนกกระทาอารมณ์ดีจะออกไข่ใบใหญ่และสม่ำเสมอ โดยการเลี้ยงแบบธรรมชาติ ไม่ใช้สารเร่งไข่ แต่ใช้น้ำหมักจุลินทรีย์ผสมอาหาร ช่วยป้องกันโรคและลดกลิ่นได้ ซึ่ง 4 ปีที่เลี้ยงนกกระทามา ท็อปพิสูจน์แล้วว่าได้ผล
ก่อนจะหันมาเลี้ยงนกกระทา ท็อปก็เช่นเดียวกับเด็กหนุ่มทั่วไปที่ทำงานขายแรงงานในเมืองใหญ่ มีรายได้ แต่ก็มาพร้อมกับค่าครองชีพและรายจ่ายมากมาย กลายเป็นหนี้สิน สุดท้ายกลับมาบ้านเกิดและศึกษาการเลี้ยงนกกระทากับพ่อที่เลี้ยงไว้กินไข่เพียง 100 ตัว
หลังศึกษาและลงมือเลี้ยง จากนกกระทา 100 ตัวในวันนั้น เพิ่มเป็น 4,000 ตัวในวันนี้ ซึ่งท็อปบอกว่า การเลี้ยงนกกระทาใช้พื้นที่ไม่มาก เลี้ยงง่าย โตวัย ได้เงินเร็ว ที่สำคัญนกกระทาสามารถขายทำรายได้ได้ทุกส่วน เริ่มจากเลี้ยงลูกนกกระทาไว้ 45 วัน จะเริ่มออกไข่และให้ไข่ไปอีกเกือบ 1 ปี ตอนนี้เก็บไข่นกกระทาขายได้วันละกว่า 2,000 ฟอง ขาย 100 ฟอง 90 บาท เก็บเงินเข้ากระเป๋าแล้วเกือบ 2,000 บาท ส่วนหนึ่งฟักไข่เป็นลูกนก เลี้ยงไว้เป็นแม่นกสาวพร้อมออกไข่ ขายตัวละ 20-25 บาท ส่วนแม่นกกระทาที่ไม่ออกไข่ ปลดระวางแล้วยังขายให้แม่ค้าไปทำอาหาร ตัวละ 15 บาท แม้แต่ขี้นกยังเก็บไว้ขายเป็นปุ๋ยได้ กระสอบละ 60 บาท รวมๆ แล้วเดือนหนึ่งหักต้นทุนแล้วเหลือเงิน 20,000-30,000 บาท แถมรายจ่ายค่าครองชีพแทบไม่มี เรียกว่าอยู่ได้แบบพอเพียงสบายๆ
ตอนนี้ท็อปเตรียมขยายการเพาะพันธุ์และเลี้ยงนกกระทาเพิ่มขึ้น เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของตลาด โดยเฉพาะไข่นกกระทาที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังยึดหลักทำทุกอย่างแบบพอเพียง สบายๆ ไม่เกินตัว เพียงเท่านี้ก็อยู่ได้แบบมีความสุขแล้ว. – สำนักข่าวไทย