ออมสินเคลียร์ชัดปัญหาหนี้สามล้อเอื้ออาทร

กรุงเทพฯ 15 ม.ค. – ธนาคารออมสินเผยผลตรวจสอบสินเชื่อสามล้อเอื้ออาทร หลังสมาชิกสหกรณ์บริการจักรเพชรกู้เงินซื้อรถสามล้อจากธนาคารออมสินสาขาเยาวราชและสาขาสยามพารากอน ไม่ปรากฎว่า พนักงานออมสินมีส่วนได้เสีย พร้อมรับประสานตรวจสอบสถานะของลูกหนี้รายตัวกับทางสหกรณ์  โดยจะรับดูแลเฉพาะผู้ที่ลงทะเบียนผ่านมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเท่านั้น และให้เลือกว่าจะผ่อนหนี้ที่เหลือกับสหกรณ์หรือธนาคารออมสิน 



ช่วงเช้าวันนี้ (15 ม.ค.) ธนาคารออมสิน นำโดยนายประเสริฐ กล่อมจันทร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ธนาคารออมสิน จัดให้ผู้ที่เกี่ยวข้องตามโครงการสามล้อเอื้ออาทร ที่มีสหกรณ์บริการจักรเพชร จำกัด เป็นผู้ดำเนินโครงการและมีการกู้เงินจากธนาคารออมสินสาขาสยามพารากอนและสาขาเยาวราช โดยมีเจ้าหน้าที่จากกรมส่งเสริมสหกรณ์เข้าร่วมชี้แจงแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นด้วย 


นายประเสริฐ กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของธนาคารออมสินในการปล่อยสินเชื่อตามโครงการสามล้อเอื้ออาทร  ผลการสอบไม่ปรากฎว่าพนักงานออมสินมีส่วนได้เสียกับการปล่อยสินเชื่อครั้งนี้แต่อย่างใด สำหรับการชะลอดำเนินคดีของธนาคารออมสินนั้น  ธนาคารมีการดำเนินการดังนี้ ธนาคารออมสิน สาขาเยาวราช มีผู้กู้กว่า 100  ราย ชะลอฟ้องคดี  26 ราย เลื่อนดำเนินคดี 67 ราย ชะลอบังคับคดี 10 ราย ส่วนสาขาพารากอน มีผู้กู้กว่า 60 ราย ชะลอฟ้องคดี 22 ราย เลื่อนดำเนินคดี 33  ราย ชะลอบังคับคดี 4 ราย ทั้งนี้ ทั้ง 2 สาขา มีลูกค้าชำระเงินกู้ตามปกติ 4 ราย   


นายประเสริฐ กล่าวว่า ธนาคารออมสินหาทางแก้ไขหนี้ของผู้กู้ตามโครงการสามล้อเอื้ออาทรเช่นกัน โดยจะต้องมีการตรวจสอบภาระหนี้สุทธิแต่ละคนที่ยื่นขอกู้ โดยนำเงินฝากที่มีอยู่กับสหกรณ์บริการจักรเพชรไปหักกลบลบหนี้ที่ติดอยู่กับสหกรณ์เหลือหนี้สุทธิเท่าใด หากสมาชิกสหกรณ์รายใดประสงค์จะเป็นหนี้เฉพาะออมสินก็สามารถทำได้ ซึ่งทางธนาคารจะขอตรวจสอบความสามารถชำระหนี้ หากความสามารถในการชำระหนี้ไม่เพียงพอ ทางธนาคารออมสินจะหาทางแก้ไขหนี้ให้ตรงกับความสามารถในการชำระหนี้ของแต่ละคน  นอกจากนี้ ในช่วงปรับตัวของผู้กู้จะให้ส่งเฉพาะดอกเบี้ยประจำงวด 2 ปี โดยไม่ต้องส่งเงินต้น และให้เริ่มผ่อนชำระเงินต้นและดอกเบี้ยปีที่ 3 โดยเป็นการขยายอายุสัญญาเงินกู้ให้ต่อไป  

นายประเสริฐ กล่าวว่า ธนาคารออมสินพร้อมเป็นตัวกลางตรวจสอบสถานะของลูกหนี้เป็นรายตัวกับทางสหกรณ์บริการจักรเพชร เพื่อเหลือหนี้สุดท้ายก้อนเดียว โดยการตรวจสอบสถานะของผู้กู้แต่ละคน ทางธนาคารออมสินจะรับรายชื่อเฉพาะผู้ที่ลงทะเบียนผ่านมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเท่านั้น 

ด้านตัวแทนจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ ชี้แจงว่าจากกรณีที่มีสมาชิกสหกรณ์บริการจักรเพชรร้องเรียนเข้ามาแบ่งเป็นกลุ่มสามล้อและรถเมล์ นายทะเบียนจึงแต่งตั้งผู้ตรวจการเฉพาะกิจไปตรวจสอบที่สหกรณ์บริการจักรเพชร ว่า เกิดอะไรขึ้น เพราะสาเหตุใดสมาชิกสหกรณ์จึงเป็นหนี้ทั้งสหกรณ์บริการจักรเพชรและธนาคารออมสิน ซึ่งพบว่าสหกรณ์บริการจักรเพชรปิดบัญชีไม่ได้ตั้งแต่ปี 2559 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และจากการตรวจสอบสัญญาเงินกู้ที่สมาชิกร้องเรียนทำไว้กับสหกรณ์ขณะนี้เอกสารบางส่วนอยู่สำนักงานรับจ้างจัดทำบัญชี และสหกรณ์อยู่ระหว่างจัดทำบัญชี เพื่อให้ผู้ตรวจสอบบัญชีตรวจสอบ   

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบสัญญาเงินกู้พบว่า เป็นไปตามกฎหมายคิดดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ส่วนเงินรับฝากเป็นเงินที่สหกรณ์ได้รับมาจากธนาคารออมสินเปิดเป็นบัญชีเงินฝากที่สหกรณ์บริการจักรเพชรเท่ากับเป็นเงินที่กู้มาจากธนาคารออมสิน โดยสหกรณ์ให้ดอกร้อยละ 0.5 ต่อปี แต่สมาชิกมีหนี้กับสหกรณ์เช่นกัน  

ส่วนการแก้ไขปัญหานี้ ทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้มีคำสั่งให้สหกรณ์บริการจักรเพชรแก้ไข โดยให้ระงับการดำเนินธุรกิจลักษณะให้สมาชิกกู้เงินแล้วสหกรณ์บริหารเงินของสมาชิกเรื่องนี้จะไม่มีอีกแล้ว นอกจากนี้ ยังต้องหาแนวทางแก้ไขเยียวยาช่วยสมาชิกที่เป็นหนี้สหกรณ์ แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ กลุ่มแรก สมาชิกสหกรณ์รายใดที่มีเงินฝากมากกว่าสัญญาเงินกู้กับสหกรณ์ หากต้องการหักกลบลบหนี้ก็ทำได้ จะฝากต่อไปก็ฝากต่อได้ หากไม่ฝากต่อก็สามารรถถอนออกจากสหกรณ์ได้ หรือสมาชิกประสงค์ให้สหกรณ์โอนเงินยอดส่วนต่างไปชำระหนี้ให้ออมสินและปิดบัญชีหนี้สหกรณ์ และส่งชำระหนี้ออมสินเพียงอย่างเดียวก็ทำได้ โดยคำสั่งนี้ออกมาตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2561 และดำเนินการให้เสร็จภายใน 30 วัน ขณะนี้ขยายออกไปอีก 30 วัน อีกกรณี คือ สมาชิกสหกรณ์ที่ส่งเงินไม่พอชำระหนี้ เรื่องนี้จะมีความยากกว่าในการแก้ไขปัญหา แต่จะต้องหาทางช่วยแก้กันต่อไป 

นางสาวสาลี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ขอให้ทางสหกรณ์บริการจักรเพชรดำเนินการเคลียร์บัญชีลูกหนี้แต่ละรายให้มีความชัดเจนและขอให้ทางธนาคารออมสินช่วยจำหน่ายคดีชั่วคราวออกไปก่อน โดยขอให้ทางสหกรณ์บริการจักรเพชรกับธนาคารออมสินตกลงกันว่าจะดำเนินการในเวลากี่วัน จากนั้นกลุ่มผู้กู้ทั้งหมดพร้อมจะมารับฟังแนวทางแก้ไขปัญหานี้อีกครั้ง โดยภาระหนี้จะต้องอยู่ที่   345,000 บาท ไม่ใช่ตัวเลขหนี้สูงถึง 700,000 บาทต่อราย หลักการ คือ เป็นหนี้เท่าไหร่ จ่ายเท่านั้น 

ตัวแทนสหกรณ์บริการจักรเพชร กล่าวว่า การกู้เงินจากธนาคารออมสิน ผู้กู้ไม่มีหลักประกันใด ๆ แต่เป็นการกู้เงินในฐานะสมาชิกสหกรณ์ เมื่อรับรถสามล้อไป ขณะที่สหกรณ์ทยอยส่งเงินค่างวดชำระหนี้ให้กับธนาคารออมสินทุก ๆ เดือน  แต่บางรายสหกรณ์พบว่าส่งเงินผ่อนไม่เพียงพอกับค่างวด แต่ทางสหกรณ์ได้ผ่อนชำระเงินค่างวดให้กับทางธนาคารออมสินเต็มจำนวนทุกงวด บางคนจึงเป็นหนี้กับสหกรณ์เช่นกัน อย่างไรก็ตาม จนถึงวันนี้สหกรณ์ยังไม่ทราบว่าสมาชิกรายใดถูกธนาคารออมสินฟ้องบ้าง จึงขอให้สมาชิกเข้าไปติดต่อกับทางสหกรณ์ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาต่อไป. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

แม่ทัพภาค 2 เชื่อผลประชุม GBC เป็นทิศทางที่ดี

7 ส.ค. – มทภ.2 ขอรอผลอย่างเป็นทางการหลังประชุม GBC เชื่อจะไปในทิศทางที่ดี เมิน “ฮุนเซน” ขอไทยงดใช้ F-16 ร้องนานาชาติ หยุดขายเครื่องบินรบให้ไทย ส่วนกรณีสายลับเขมร รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับมอบอุปกรณ์โดรนโลเคเตอร์ เครื่องจับพิกัดตัวโดรน รวม 30 เครื่อง มูลกว่า 8 ล้านบาท เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงของใช้ที่จำเป็นเพื่อนำไปมอบให้ทหารแนวหน้า จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้จะได้ข้อสรุปในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร พลโท บุญสิน บอกว่ารอการชี้แจงอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าจะดีขึ้น ย้ำว่า ในข้อเสนอ 8 เรื่อง 6 ประเด็น ตนให้ความสำคัญ ทหารไทย ณ ปัจจุบันนี้อยู่ตรงไหนก็ให้อยู่ตรงนั้น คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นหลัก เน้นย้ำให้ทหารหน้าแนวตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และตรึงกำลังไว้ตลอด เรื่องแผ่นดินไม่สามารถคุมได้ด้วยเครื่องมือ ต้องใช้คนเฝ้า เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีของกัมพูชาแล้ว เราจะต้องประกบไว้แบบนี้ […]

พล.อ.ณัฐพล เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย

มาเลเซีย 7 ส.ค.-พล.อ.ณัฐพล รมช.กห. เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย ก่อนถก GBC ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ บ่ายนี้ เมื่อเช้าวันนี้ (7 ส.ค. 68) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าเยี่ยมคำนับดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในขณะนี้และเป็นเจ้าภาพของสถานที่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(General Border Committee: GBC) ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นโอกาสแรกที่ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้พบกันในระดับรัฐมนตรีก่อนที่จะเข้าร่วมประชุม GBC สมัยวิสามัญ ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ Deputy Minister of Defence pays courtesy call on Malaysian Prime Minister before Extraordinary Session of Thailand […]

“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด จับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาส

กทม. 7 ส.ค.-“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด บุกจับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ก๊วนกิ๊กเก่า “สีกากอล์ฟ” หลังพบทุจริตยักยอกเงินวัด เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 7 ส.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปาตแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาฯ ป.ป.ท. นำกำลังตำรวจ บก.ปปป. และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เปิดปฏิบัติการ “กอล์ฟทีม EP.1” บุกค้นเป้าหมาย 3 จุด ใน จ.สุราษฎร์ธานี จ.พิจิตร และ จ.สมุทรสงคราม เพื่อจับกุมอดีตพระชั้นผู้ใหญ่ และ คนใกล้ชิด ที่เคยพัวพันสัมพันธ์ฉาวสีกากอล์ฟ หลังพบกระทำผิดทุจริตยักยอกเงินวัดมาใช้ดูแลสีกา เป้าหมายจุดแรกที่เข้าตรวจค้นเป็นสถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นบ้านพักของนายทิวากร ดีไพร หรือ […]

มท.1 เด้งฟ้าผ่า ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี

เมืองทองธานี 7 ส.ค.-รมว.มหาดไทย สั่งเด้งฟ้าผ่า “ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี” ก่อนประชุมมอบนโยบายกระทรวงมหาดไทย เหตุมีปัญหาเบิกจ่ายงบประมาณดูแลประชาชนได้รับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยก่อนการประชุมมอบนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ว่า ได้มีการสั่งย้าย ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ให้มาช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทย หลังมีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณในการช่วยเหลือดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีการเบิกงบทดรองราชการจ่ายเพียง 55,600 บาท จากที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้ 100 ล้านบาท ส่วนจะย้ายชั่วคราว หรือถาวรน้้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากัน เมื่อถามว่า จะรอผลสอบก่อนใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากันในรายละเอียด โดยคำสั่งจะออกในช่วงเช้าวันนี้ อย่างไรก็ตาม มีการยืนยันจากผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ว่าได้เดินทางมาร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย​ แต่ปฏิเสธที่จะแสดง​ความเห็น​ และไม่ขอให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน.-315.-สำนักข่าวไทย