กรุงเทพฯ 14 ม.ค. – ปตท.สผ.ขยายธุรกิจในยูเออีครั้งแรก ได้รับสัมปทาน 2 แปลงร่วมกับอีเอ็นไอ
บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. โดยบริษัท พีทีทีอีพี มีนา จำกัด (PTTEP MENA Limited) ซึ่งร่วมทุนกับบริษัท อีเอ็นไอ อาบูดาบี (Eni Abu Dhabi) บริษัทในเครือของอีเอ็นไอ (Eni) ผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ของประเทศอิตาลี ได้รับสัมปทานแหล่งก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งในแปลงสำรวจออฟชอร์ 1 (Offshore 1) และแปลงออฟชอร์ 2 (Offshore 2) จากบริษัท อาบูดาบี เนชั่นแนล ออยล์ หรือ แอดนอค (Abu Dhabi National Oil Company หรือ ADNOC) บริษัทน้ำมันแห่งชาติของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) จากการเปิดประมูลครั้งแรกในประเทศ นับเป็นก้าวแรกของ ปตท.สผ.ในการลงทุนในยูเออี สะท้อนความสำเร็จของบริษัทในการลงทุนตามแผนกลยุทธ์
นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.สผ. กล่าวว่า ปตท.สผ.มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เข้าไปลงทุนในยูเออีเป็นครั้งแรก ซึ่งการได้รับสัมปทานในแปลงออฟชอร์ 1 และออฟชอร์ 2 เปิดโอกาสให้ ปตท.สผ.ร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลกทั้งแอดนอคและอีเอ็นไอ และยังทำให้ได้เข้าไปลงทุนในพื้นที่ที่มีศักยภาพปิโตรเลียมสูงแห่งหนึ่งของโลก ปตท.สผ.เชื่อว่ากลุ่มผู้ร่วมทุนจะใช้ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์และเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาแปลงสำรวจนี้ ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวจะก่อให้เกิดประโยชน์ในระยะยาวให้กับทุกฝ่าย
ด้าน ดร.สุลต่าน อาห์เหม็ด อัล จาเบอร์ รัฐมนตรีของยูเออี และประธานเจ้าหน้าที่บริหารแอดนอค กรุ๊ป กล่าวว่า การอนุมัติสัมปทานครั้งแรกครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นครั้งประวัติศาสตร์และเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามที่จะเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมของอาบูดาบีตามยุทธศาสตร์การลงทุนปี 2573 ของแอดนอค รวมถึงเป็นไปตามเป้าหมายที่ต้องการจะเป็นพันธมิตรกับบริษัทน้ำมันและก๊าซที่มีทั้งศักยภาพทั้งทางเทคโนโลยีและเงินทุนที่จะมาช่วยพัฒนาทรัพยากรปิโตรเลียมของประเทศ การให้สัมปทานกับอีเอ็นไอนั้น ถือเป็นอีกขั้นหนึ่งของการเป็นพันธมิตรกัน ขณะเดียวกัน บริษัทน้ำมันแห่งชาติของไทย ปตท.สผ. ซึ่งเข้ามาเป็นพันธมิตรใหม่นั้น ได้ตอกย้ำให้เห็นถึงความมั่นใจที่นักลงทุนต่างชาติมีต่อยูเออี
นายเคลาดิโอ เดสคัลซี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารอีเอ็นไอ กล่าวว่า กลุ่มผู้ร่วมทุนจะใช้ความเชี่ยวชาญและนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้เพื่อสำรวจทรัพยากรปิโตรเลียมนอกชายฝั่งของอาบูดาบีครั้งนี้ พีทีทีอีพี มีนา และอีเอ็นไอ อาบูดาบี จะถือสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 30 และ 70 ตามลำดับ โดยมีระยะเวลาการสำรวจไม่เกิน 9 ปี ซึ่งทั้ง 2 แปลงมีอายุสัมปทาน 35 ปี ยูเออีเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก โดยร้อยละ 96 ของปริมาณสำรองปิโตรเลียมอยู่ในพื้นที่ของกรุงอาบูดาบี และยังเป็นประเทศที่มีแหล่งทรัพยากรปิโตรเลียมขนาดใหญ่อันดับต้น ๆ ซึ่งยังรอการสำรวจและพัฒนา.-สำนักข่าวไทย