อสมท 11 ม.ค.- ภาครัฐและเอกชนหนุนจัดวันเด็ก แนะนำในส่วนของเอกชนร่วมจัด และยังมีตัวอย่างโครงการสำคัญที่ภาครัฐและเอกชนทำโครงการโรงเรียนประชารัฐไปดูว่า มีผลที่ช่วยกระตุ้นเด็กอย่างไรให้เติบโตเป็นรากฐานในการพัฒนาประเทศในอนาคต
พรุ่งนี้(12ม.ค.) วันเด็กแห่งชาติ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศไว้ คือ เด็ก เยาวชน จิตอาสา ร่วมพัฒนาชาติ น้องๆ ต้องจำไว้ เพราะกิจกรรมคำถามในหน่วยงานที่จัดจะมีคำถามนี้เพื่อแจกของขวัญเด็กๆ ซึ่งพรุ่งนี้ ภาครัฐ ภาคเอกชน กระจายกันจัดงาน เช่น อสมท ชวนน้องๆ มาร่วมงาน Mcot Best Friend มหัศจรรย์วันเด็กที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิร์ด 2 วันต่อเนืองวันเสาร์และวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป มีกองทัพการ์ตูนดังมากมาย พร้อมมีโอกาสใกล้ชิดศิลปิน ผู้ประกาศข่าว อสมท ชมแฟชั่นโชว์เด็กสุดชิค ร่วมสานฝันให้เป็นจริง ในห้องออกอากาศจำลอง กับพี่ๆสำนักข่าวไทย
ส่วนกลุ่ม ปตท. จัดงานที่ สำนักงานใหญ่ ถนนวิภาวดีรังสิต ตะลุยฝันวันเด็ก ตอน “นักสำรวจอนาคตบุกโลกดิจิทัล” เน้นนวัตกรรมที่สร้างประโยชน์นานัปการให้กับประเทศอย่างยั่งยืน สนุกสนานกับกิจกรรมต่างๆ อาทิ กิจกรรม DIY ชมการ์ตูนแอนิเมชัน ก๊อดจิ ดิ แอดเวนเจอร์ ใครอยู่ถนนสุขุมวิท ใกล้โรงกลั่นบางจาก ก็มีงานภายใต้แนวคิด “เด็กไทย หัวใจ Bio” ปลูกฝังแนวคิดการใช้วัสดุชีวภาพ การร่วมลดปริมาณขยะเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อมและรักษาสมดุลทางระบบนิเวศน์อย่างยั่งยืน
ในขณะที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บางกรวย จัดงานภายใต้แนววคิด “50 ปี กฟผ. นวัตกรรมพลังงานไฟฟ้าเพื่อชีวิตที่ดีกว่าของเด็กไทย” เปิดโลกพลังงานไฟฟ้า เที่ยวชมนวัตกรรมพลังงานแห่งอนาคตผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่สอดแทรกความรู้ด้านพลังงานไฟฟ้า
โดยเป็นที่ทราบดี เด็กๆ คืออนาคตของชาติ และประเทศที่มีความสามารถทางการแข่งขันที่สูง ก็คือ การสร้างชาติด้วยนวัตกรรม เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สหรัฐ ซึ่งภาครัฐก็เห็นจุดนี้จึงร่วมมือกับเอกชน ในการส่งเสริมพัฒนาหลักสูตร เกิดโครงการโรงเรียนประชารัฐนับพันแห่งทั่วประเทศ นโยบายสำคัญ ที่ดำเนินการต่อเนื่อง เช่น ลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้, การอ่านออกเขียนได้การใช้ระบบ STEM Education, การยกระดับมาตรฐานทักษะภาษาอังกฤษ, การแนะแนวด้านอาชีพในโรงเรียน
ส่วนโรงเรียนบ้านหนองม่วง ใน จ.ระยอง จัดการเรียนการสอนที่กระตุ้นให้เด็กๆ มีส่วนร่วมในกิจกรรม สนุกกับวิทยาศาสตร์ เป็นการทดลอง เกี่ยวกับสถานะของสสาร ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงเรียนประชารัฐที่ กลุ่ม ปตท. โดยมูลนิธิพลังแห่งการเรียนรู้ ได้จัดกิจกรรมพัฒนาทักษะหลักสูตรให้แก่คุณครูโรงเรียน มุ่งสร้างความตระหนักให้ครู เห็นความสำคัญของการปรับการเรียน เปลี่ยนการสอน นำแนวคิดวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ กระบวนการทางวิศวกรรมและเทคโนโลยีมาเอื้อต่อการเรียนรู้ภายใต้โครงการเสต็มศึกษา ซึ่งกระตุ้นให้เด็กเด็กมีความสนใจ
เช่นเดียวกันกับ รร.บ้านบึงตะกาด นอกจากจะใช้ระบบเสต็มศึกษาแล้ว ยังมีการอบรมผู้บริหารโรงเรียนส่งเสริมเด็กๆ ให้สนใจการพัฒนาด้านภาษาต่างประเทศ ซึ่งรวมๆ แล้วจะเห็นได้ว่าเด็กกล้าแสดงออกและมีพัฒนาการที่ดีขึ้น
โรงเรียนประชารัฐดังกล่าวก็สอดคล้องกับความเห็นของนักวิชาการ ว่าในด้านการพัฒนาศักยภาพเด็กไทย 2562 ศ.ดร.นพ.ชัยเลิศ พิชิตพรชัย ประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสารสนเทศ TCAS62 ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ได้ให้ความเห็นไว้ว่า การเตรียมความพร้อมของเด็กสู่การเป็นกำลังคัญในการขับเคลื่อนประเทศกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากต้องพัฒนา 5 ด้านหลัก 1.เด็กรุ่นใหม่ต้องใช้เทคโนโลยีให้เป็นและเท่าทันสื่อ เพราะในขณะนี้สื่อโซเชียลมีมากมาย ครอบครัวจะต้องเป็นฐานสำคัญในการแนะให้เด็กวิเคราะห์ว่าสื่อใดเชื่อถือได้หรือไม่ได้ เรียกได้ว่าใช้ดิจิทัลให้เป็นประโยชน์ ส่วนข้อ 2 เรียนให้สนุก หมดยุคการเรียนเพื่อสอบ คุณครูก็จะต้องมีส่วนส่งเสริม เปิดโอกาสให้เด็กได้ลองตั้งคำถาม เพื่อร่วมกันหาคำตอบในชั้นเรียน และเด็กรุ่นใหม่ควรต้องสื่อสารให้ได้อย่างน้อย 3 ภาษา 4.เด็กต้องทักษะหลากหลาย และ 5. เด็กต้องมีจิตอาสา สำนึกสาธารณะ ก็นับว่าสิ่งเหล่านี้หากพัฒนาเด็กไทยได้ก็จะก้าวไปสู่การสร้างความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ และก็ต้องเน้นย้ำกันนะครับสำหรับคุณพ่อคุณแม่ช้อปช่วยชาติซื้อหนังสือ หักลดหย่อนภาษีรวม 15,000 บาทนั้น กระตุ้นการอ่านของน้องๆ หรือซื้อเป็นของขวัญวันเด็กก็ยังซื้อได้จนถึง 16 มกราคมนี้.-สำนักข่าวไทย