กรุงเทพฯ 4 ก.ย. – สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เผยส่งออกครึ่งปี 59 มีมูลค่า 25,701.63 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 4.72 สาเหตุตลาดผันผวนและอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี จับมือ สมอ.ทุ่มงบ 500 ล้านบาท ยกระดับมาตรฐานการทดสอบผลิตภัณฑ์อัจฉริยะ
นายสมบูรณ์ หอตระกูล ผู้อำนวยการสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สถาบันเครือข่ายกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยสถานการณ์อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไทยในปัจจุบันและแนวโน้มปี 2559 ภายใต้การรวบรวมข้อมูลและดำเนินงานโดย E&E Intelligence Unit พบว่า สถานการณ์การส่งออกของสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในภาพรวมช่วง 6 เดือนแรกปี 2559 มีมูลค่าส่งออก 25,701.63 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 4.72 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสหรัฐอเมริกา เป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทยสัดส่วนร้อยละ 18.87 รองลงมา คือ อาเซียน สหภาพยุโรป (อียู) ญี่ปุ่น และ จีน มีสัดส่วนร้อยละ 18.74, 14.07, 9.68 และ 7.85 ตามลำดับ
“มูลค่าส่งออกสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวลดลงระยะนี้ เนื่องจากอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีดิจิตอล โดยธรรมชาติของตลาดจะนิ่งสักระยะ เพื่อรอดูการเปลี่ยนแปลงของการพัฒนาเทคโนโลยี ผู้ประกอบการภาคการผลิตก็อยู่ในช่วงปรับตัวเพื่อเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0” นายสมบูรณ์ กล่าว
สำหรับภาพรวมดัชนีผลผลิตยังอยู่ในเกณฑ์ดี มีค่าเป็น 109.97 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.82 มีการลงทุนเพิ่ม 42 โครงการ เงินลงทุนประมาณ 23,276 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มไตรมาส 3 การผลิตจะปรับตัวขึ้นร้อยละ 7.88 สินค้าไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.87 ในกลุ่มเครื่องปรับอากาศแยกส่วนคอนเดนซิ่ง เครื่องปรับอากาศแยกส่วนแฟนคอยล์ยูนิต และตู้เย็น คาดสิ้นปี 59 มูลค่าส่งออกโดยรวมจะอยู่ที่ 53,085 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ยังคงปรับตัวลดลงร้อยละ 1.6
นายสมบูรณ์ กล่าวว่า สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เพื่อยกระดับมาตรฐานและขยายขอบข่ายห้องปฏิบัติการทดสอบเพื่อรองรับการขยายการลงทุน และเพิ่มศักยภาพการผลิตในประเทศไทยสำหรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ได้แก่ อุตสาหกรรมกลุ่ม S-Curve และอุตสาหกรรมเป้าหมายภายใต้นโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษรูปแบบ Super Cluster โดยมีเป้าหมายในการจัดทำมาตรฐานรองรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เป้าหมายปี 2560 – 2564 จำนวน 283 มาตรฐาน โดย สมอ. ประมาณการงบลงทุนไว้ 500 ล้านบาท จะมีขอบข่ายครอบคลุมทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่และกลุ่มผลิตภัณฑ์เดิมที่มีศักยภาพ อาทิ ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ(Smart Electronics) เช่น เครื่องซักผ้า, เครื่องปรับอากาศอัจฉริยะ, อุปกรณ์เชื่อมต่อwifi, wireless, Internet of Things(IoT) และสมองกลฝังตัว(Embedded system) เป็นต้น รวมทั้งผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในทางการแพทย์และเพื่อสุขภาพ.-สำนักข่าวไทย