ตลาดหุ้นไทยลบ 2.87 จุด แกว่งไซด์เวย์ตามภูมิภาค รอดูปัจจัยภายนอกประเทศ

กรุงเทพฯ 10 ม.ค. – ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,587.63 จุด ลดลง 2.87 จุด หรือร้อยละ0.18 มูลค่าการซื้อขาย 53,524.26 ล้านบาท          


การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งไซด์เวย์เช่นเดียวกับตลาดภูมิภาค โดยดัชนีฯ แตะจุดสูงสุดที่ 1,599.10 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,579.20 จุด     

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้  แกว่งตัวเช่นเดียวกันกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย โดยดัชนียังไม่สามารถยืนเหนือระดับ 1,600 จุดได้ จากมีแรงขายทำกำไรออกมา และได้ปรับตัวลงมา เนื่องจากยังมีหลายปัจจัยที่นักลงทุนยังติดตามดู โดยเฉพาะการเจรจาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่สิ้นสุดลงไปนั้น แต่ยังไม่เห็นถึงประเด็นเชิงบวก และการลงมติต่อร่างข้อตกลงแผนการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ของรัฐสภาอังกฤษ ในวันที่ 15 ม.ค.นี้ รวมถึงปัญหาการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐ (ชัตดาวน์) นอกจากนี้ยังได้รับแรงกดดันจากข่าวเฉพาะตัวของ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) หลังทำสัญญาระงับข้อพิพาทที่มีอยู่ส่วนใหญ่และที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งหมดที่เกี่ยวกับสัญญาสัมปทาน คิดเป็นมูลค่า 9,500 ล้านบาท กับทางบมจ.กสท โทรคมนาคม ส่งผลทำให้หุ้น DTAC ปรับตัวลงแรง และกดดันต่อหุ้นกลุ่มสื่อสารตัวอื่น จากความกังวลว่าอาจมีการดำเนินการในลักษณะเดียวกัน


นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้น ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ปรับตัวลงค่อนข้างมาก แม้ไม่ทราบสาเหตุชัดเจน แต่หากมองประเด็นความกังวลการเพิ่มขึ้นของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของ KBANK ในไตรมาส 4/61 อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์ฯ มองว่าเป็นเรื่องปกติที่ NPL จะเพิ่มขึ้นในทุกไตรมาส แม้ KBANK จะมีการเปลี่ยนกลยุทธ์ด้วยการเลือกเก็บ NPL บางส่วนไว้เพื่อบริหารเอง จากความเชื่อที่ว่าจะได้เงินกลับมามากกว่าและยังรักษาฐานลูกค้าไว้ได้ ซึ่งอาจทำให้ NPL ของ KBANK เพิ่มขึ้นได้ในระยะสั้น แต่ก็ถือเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะยาว โดย KBANK ก็ได้ตั้งสำรองหนี้ฯไว้ได้เพียงพอแล้ว และ NPL ที่เกิดขึ้นก็ยังคงอยู่ในกรอบที่รับได้ โดยคาดว่าไตรมาส 4/61 NPL อยู่ที่ร้อยละ 3.4 และต้องรอดูผลประกอบการอีกทีจะเป็นอย่างไร 

สำหรับกำไรของ KBANK งวดไตรมาส 4/61 คาดว่าจะอยู่ที่ 6,400 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 34 จากไตรมาสที่แล้ว จากผลของการบันทึกค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ถือเป็นเรื่องปกติของทุกปี แต่จะเติบโตร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนทั้งปี 61 ก็คาดว่ากำไรจะเติบโตร้อยละ 10 โดยคาดมีกำไรสุทธิ 37,900 ล้านบาท

ประเภทนักลงทุน สถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 2,023.50 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 632.58 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 902.47 ล้านบาท  นักลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิ 488.45 ล้านบาท . – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง