อสมท 10 ม.ค.- อาชีพในฝันของเด็กไทย ยุค 4.0 นักกีฬา E-Sport และนักแคสเกมมาแรงสุดๆ
วันเสาร์นี้ 12 มกราคม “วันเด็กแห่งชาติ” เวียนกลับมาอีกครั้ง แน่นอนเป็นวันแห่งความสุขของเด็กๆ ผู้ปกครองจะพาบุตรหลานไปร่วมกิจกรรมสนุกๆ ที่ทางภาครัฐและเอกชนร่วมกันจัด ซึ่งปีนี้ อสมท จัดกิจกรรมที่เซ็นทรัล เวิลด์ ด้วย
ในวันเด็กทุกปี ก็จะมีการสำรวจอาชีพในฝันของเด็กไทย ซึ่งปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดเจน เพราะอาชีพที่เด็กไทยใฝ่ฝัน เป็นอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการเล่นเกมส์ และ คอมพิวเตอร์ ซึ่งสอดคล้องกับอาชีพในอนาคต ที่ต้องมีทักษะใช้เทคโนโลยีเป็น เปลี่ยนจากยุคแอนะล็อกมาเป็นยุคดิจิทัล อาชีพที่เกี่ยวข้องกับการใช้ระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ เป็นอาชีพที่ไม่ตกงาน
เปิดเผยผลสำรวจ กลุ่มบริษัท อเด็คโก้ ซึ่งเป็นบริษัทจัดหางาน “อาชีพในฝันของเด็กไทยจากการสำรวจเด็กไทยที่มีอายุ 7-14 ปี จำนวน 2,684 คน พบว่า อาชีพที่เด็กไทยใฝ่ฝันอยากทำมากที่สุดคืออาชีพ “หมอ” เนื่องจากเป็นอาชีพที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น ได้บุญ และมีรายได้ดี รองลงมาคือ อาชีพ “ครู” ด้วยเหตุผลอยากสอนเด็กไทยให้เป็นคนดีมีความรู้ อันดับ 3 ได้แก่ อาชีพ นักกีฬา โดยส่วนใหญ่อยากเป็นนักฟุตบอลเพราะรักในการเล่นฟุตบอล
ส่วนอาชีพในฝันของเด็กไทยอันดับ 4 ได้แก่อาชีพ ทหาร และอันดับ 5 ได้แก่ นักกีฬา E-Sport และ นักแคสเกม ที่ปีนี้มาแรงมากติดTop 5 อาชีพในฝันของเด็กไทยปีนี้เป็นปีแรก
นักกีฬา E-Sport และ นักแคสเกม เป็นอาชีพที่เด็กไทยให้สนใจอย่างมากในปีนี้ เพราะเด็กไทยชอบเล่นเกมจึงคิดว่าเป็นอาชีพที่สนุก สามารถสร้างรายได้จากสิ่งที่ชอบและสร้างชื่อเสียงได้ ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจในข้ออื่นๆ ที่พบว่าเด็กไทย 94% ชอบดูยูทูบ และกว่า 28% ชอบเล่นเกมและเล่นคอมพิวเตอร์ และมีไอดอลในดวงใจเป็นคนดังที่ประกอบอาชีพเหล่านี้ นอกจากนี้ ยังพบว่าอาชีพที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ เช่น ยูทูบเบอร์ และ โปรแกรมเมอร์ ก็เป็นอาชีพที่เด็กไทยให้ความสนใจมากขึ้นในปีนี้เช่นกัน
มีการตั้งคำถาม และ ถกเถียงกันว่า E-Sport เป็นอาชีพ หรือ ทำให้เด็กติดเกมส์ แต่ที่แน่ๆ มีการสร้างเม็ดเงินรายได้มีจากรางวัลการแข่งขัน มากน้อยขึ้นอยู่กับผู้จัด มีเวทีระดับโลก และขณะนี้หลายมหาวิทยาลัยมีหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบอินเทอร์แอคทีฟและเกมส์ ในชื่อที่แตกต่างกัน ซึ่งต้องจับตามองว่าอาชีพนี้มีโอกาสจะแซงเป็นอาชีพในฝันของเด็กไทยได้หรือไม่
ส่วนกิจกรรมวันเด็กที่กำลังจะมาถึงในวันเสาร์นี้ จะคึกคักมากน้อยแค่ไน นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่าปีนี้น่าจะมีความคึกคักมากกว่าปีก่อน ทั้งประเทศมีเม็ดเงินสะพัด ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5% โดยเม็ดเงินอาจถึง 10,000 ล้านบาทเพราะเศรษฐกิจดีขึ้น คนให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัวมากขึ้น รวมถึงมีเม็ดเงินจากการสนับสนุนการจัดงานวันเด็กทั่วประเทศ และในหลายพื้นที่ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จะเข้ามาสนับสนุนการจัดกิจกรรมวันเด็กมากขึ้นด้วย จึงทำให้บรรยากาศคึกคักเป็นพิเศษ
ส่วนพฤติกรรมการออมของเด็กไทย มีข้อมูลล่าสุดว่า เด็กส่วนใหญ่ 87.84% มีเงินออมเหลือเก็บเฉลี่ยวันละประมาณ 25 บาท หรือ 1 ใน 4 ของเงินที่ได้ จากเงินที่ได้รับจากผู้ปกครองเฉลี่ยวันละ 93 บาท โดยเงินจำนวนนี้ส่วนใหญ่หมดไปกับการซื้อขนมและเครื่องดื่ม และยังพบอีกว่า มีเด็กประมาณ 8.6% ที่ทำงานเพื่อหารายได้เพิ่ม.-สำนักข่าวไทย