กรุงเทพฯ 10 ม.ค. – ลุ้น กพช. 24 ม.ค. ประชุมแผนพีดีพีฉบับใหม่ หากคลอด เล็งเปิดไอพีพีรอบ 4 ปี 2562-2563 โดยอาจเปิดรอบแรกภาคตะวันตก 700-1,400 เมกะวัตต์ ทดแทนสัญญาไตรเอนเนอร์ยีที่จะหมดอายุ ก.ค.2563
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า วันที่ 24 มกราคม 2562 จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน ที่มีนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะมีการพิจารณาแผนพัฒนากำลังไฟฟ้าระยะยาว (พีดีพี) 20 ปีฉบับใหม่ (2561-2580 ) โดยในแผนดังกล่าวจะมีโรงไฟฟ้าใหม่เข้าระบบ 8,300 เมกะวัตต์ ซึ่งในส่วนนี้จะเปิดให้เกิดการแข่งขันราคา โดยเอกชนผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ (ไอพีพี) ตามแผนอาจจะเปิดรอบแรกของแผน ถือว่าเป็นรอบที่ 4 ของประเทศ ในปี 2562-2563 ภาคตะวันตก โดยส่วนหนึ่งจะเป็นการผลิตไฟฟ้าเพื่อส่งไปสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ในภาคใต้ และทดแทนสัญญาไฟฟ้าไอพีพีของโรงไฟฟ้าไตรเอ็นเนอร์ยี่ของ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง กำลังผลิต 700 เมกะวัตต์ ที่จะสิ้นสุดสัญญาเดือนกรกฎาคม 2563
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการเปิดไอพีพีจะชัดเจนอย่างไรต้องรอนโยบายของรัฐบาล โดยในส่วนของ RATCH ได้เสนอต่อสัญญาไตรเอนเนอร์ยี่มาให้พิจารณาด้วย ซึ่งต้องดูผลดีผลเสียที่ชัดเจน และอีกประเด็นหนึ่งที่จะพิจารณาควบคู่กันไป คือ จะให้กำลังผลิตใหม่ที่จะเกิดขึ้น ภาคตะวันตกจะมีรวม 1,400 เมกะวัตต์ โดยแยกเป็นการเข้าระบบ (COD ) 2566 กำลังผลิต 700 เมกะวัตต์ และเข้าระบบปี 2567 กำลังผลิต 700 เมกะวัตต์
ส่วนเรื่องการส่งเสริมพลังงานทดแทน ทางกระทรวงฯ ยืนยันว่าจะส่งเสริมอย่างต่อเนื่องให้มีการใช้พลังงานทดแทนในสัดส่วนร้อยละ 30 ของการใช้พลังงานของประเทศ อย่างไรก็ตาม ต้องพิจารณาถึงความมั่นคงของระบบ ไม่เกิดปัญหาเป็นภาระต้นทุนของค่าไฟฟ้าภาคประชาชน ดังนั้น การจะรับซื้อเข้าระบบตามแผนพีดีพีจะเริ่มปี 2570 โดยในส่วนสัญญาเดิมก็ยังรับซื้อตาม และจะมีการส่งเสริมให้เกิดการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป ) ภาคประชาชน 10,000 เมกะวัตต์ ในส่วนนี้จะมีการรับซื้อเข้าระบบประมาณ 4,000 เมกะวัตต์ เบื้องต้นช่วงแรกจะเป็นการรับซื้อนำร่องปีละ 100 เมกะวัตต์ไปก่อน จะดำเนินการควบคู่กับการส่งเสริมการรับซื้อไฟฟ้าระหว่างกันของภาคเอกชน กระทรวงฯ จะส่งเสริมและวางหลักการเกี่ยวกับการเคลียร์ริ่งเฮาส์ หรือบัญชีการซื้อขายระหว่างกัน หลักเกณฑ์ การก่อสร้างสายส่งเชื่อมโยงระหว่างกัน
นายกุลิศ กล่าวว่า จากการเปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับแผนพีดีพี ได้มีกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าแสดงความคิดเห็นทั้งเรื่องการขอให้ส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เอง (ไอพีเอส) การขอให้เร่งเปิดรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนก่อนปี 2570 โดยทางกระทรวงฯ พร้อมรับฟัง อย่างไรก็ตาม กระทรวงฯ จะติดตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงโดยตลอด และได้จัดทำแผนหลักที่เกี่ยวข้อง 5 ปี ซึ่งหากเทคโนโลยีเปลี่ยน และไม่เป็นภาระต้นทุนค่าไฟฟ้าต่อภาคประชาชน ระบบมีความมั่นคง ก็อาจจะมีการเปิดซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนก่อนปี 2570
นายกุลิศ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ยังมั่นใจว่าจะลงนามในสัญญาประมูลปิโตรเลียมแหล่งบงกช-เอราวัณ ได้ทันเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ตามที่กำหนดไว้ ซึ่งขณะนี้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติอยู่ในระหว่างร่างสัญญา เพื่อส่งสำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบ .-สำนักข่าวไทย